|

ไอเอ็นจี"เปลี่ยนผู้บริหารนั่งซีอีโอในฐานะแกร่งแม้Q4ขาดทุนอ่วม
ผู้จัดการรายวัน(29 มกราคม 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
ไอเอ็นจี กรุ๊ปปรับเปลี่ยนผู้บริหารระดับสูง แต่งตั้ง 'ยาน โฮมเมน' เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แทน 'มิเชล ทิลมานท์' ที่ลาออกหลังโดนมรสุมเศรษฐกิจโลกและปัญหาด้านสุขภาพ คาดดำรงตำแหน่งอย่างทาง การเมื่อได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นในวันที่ 27 เมษายนนี้ ยันแม้ผลประกอบการไตรมาส 4 จะ ทรุดหนัก แต่ยังมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีเงิน ทุนขั้นที่ 1 ของธนาคารไอเอ็นจีอยู่ที่ 9.1% และเงินทุนสำรองของไอเอ็นจีประกันชีวิตอยู่ที่ 258%
รายงานข่าวจากบริษัทไอเอ็นจี กรุ๊ป แจ้งว่า เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหลายเดือนที่ผ่านมาและสภาวะสุขภาพส่วนตัวของตนเองนายมิเชล ทิลมานท์จะสละตำแหน่งจากคณะกรรมการผู้บริหารในวันนี้(27 ม.ค.52) โดยนาย มิเชล ทิลมานท์จะดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของบริษัทไปจนกว่าจะถึงวาระการปลดเกษียณจากไอเอ็นจีในวันที่ 1 สิงหาคม 2552
ทั้งนี้ คณะกรรมการที่ปรึกษาได้ตัดสินใจแต่งตั้งนายยาน โฮมเมน ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาของ ไอเอ็นจี กรุ๊ป ให้ขึ้นเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของไอเอ็นจี กรุ๊ป ภายหลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกของคณะกรรมการผู้บริหาร ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของผู้ถือหุ้น ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 27 เมษายน 2552 โดยก่อนจะถึงการประชุมใหญ่สามัญประจำปีนั้น นายยาน โฮมเมนจะเริ่มเข้ามามีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิดกับการดำเนินการของไอเอ็นจี และทำงานร่วมกับคณะกรรมการผู้บริหาร ในระหว่างรอการแต่งตั้งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม เริ่มตั้งแต่วันนี้นายเอริค โบเยอร์ ซึ่งเป็นสมาชิกคณะกรรมการผู้บริหารมาตั้งแต่ปี 2547 จะดำรงตำแหน่งรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารจนกว่านายยาน โฮมเมน จะเริ่มทำงานอย่างเป็นทางการหลังจากการประชุมสามัญประจำปีผู้ถือหุ้น
นอกจากนี้ คณะกรรมการที่ปรึกษาได้ตัดสินใจแต่งตั้งให้ นายปีเตอร์ เอลเวอร์ดิง เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจาก นายยาน โฮมเมน ในตำแหน่งประธานคณะกรรมการที่ปรึกษา ซึ่งจะมีผลบังคับใช้หลังจากการประชุมสามัญประจำปีของผู้ถือหุ้นในเดือนเมษายน 2552 สืบเนื่องจากการแต่งตั้งครั้งนี้ รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ จะเสนอชื่อสมาชิกอื่นเพื่อให้เข้ารับตำแหน่งคณะกรรมการที่ปรึกษา
ในส่วนของผลการดำเนินงานไอเอ็นจี กรุ๊ป นั้น จากข้อมูลเบื้องต้นที่ยังไม่ได้ผ่านการตรวจสอบทางบัญชี ไอเอ็นจีคาดว่าจะรายงานผลประกอบการสุทธิตลอดปี 2551 โดยคาดการณ์ว่า จะขาดทุนสุทธิประมาณ 400 ล้านยูโร และผลประกอบการสุทธิตลอดปีที่ขาดทุนสุทธิประมาณ 1,000 ล้านยูโรนั้น ได้รวมถึงผลกระทบของการขายธุรกิจประกันชีวิตในไต้หวันและการยกเลิกการดำเนินการธุรกิจบำนาญในอาร์เจนตินา ผลประกอบการทางด้านธุรกิจธนาคารคาดการณ์กำไรสุทธิ 500 ล้านยูโร ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากแฟรนไชส์รายย่อยในตลาดท้องถิ่น ส่วนผล ประกอบการทางด้านธุรกิจประกันชีวิตคาดว่าจะขาดทุนสุทธิ 900 ล้านยูโรซึ่งเป็นผลกระทบมาจากการปรับลดมูลค่าทางบัญชีของสินทรัพย์ทุกประเภท
ขณะที่ไตรมาสที่ 4 จากสภาวะในตลาดได้ ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง จึงส่งผลให้ผลประกอบ การในไตรมาสที่ 4 คาดการณ์ขาดทุนสุทธิประมาณ 3,300 ล้านยูโร โดยผลประกอบการดังกล่าวเกิดจากการปรับลดมูลค่าทางบัญชีของสินทรัพย์ให้สอดคล้องกับมูลค่าที่แท้จริง
อย่างไรก็ตาม เงินกองทุนและสัดส่วนเงินทุนของไอเอ็นจีนั้นยังคงแข็งแกร่ง ณ สิ้นปี 2551 ส่วนของผู้ถือหุ้นทั้งหมดอยู่ที่ 28,600 ล้านยูโร เพิ่มขึ้นจาก 25,600 ล้านยูโรในปลายไตรมาสที่ 3 ซึ่งรวมถึงหลักทรัพย์หลักขั้นที่ 1 ที่ได้ขายให้รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ ในส่วนของธนาคารนั้น สัดส่วนเงินทุนขั้นที่ 1 ของธนาคารไอเอ็นจีอยู่ที่ 9.1% เมื่อสิ้นปี 2551 และสัดส่วนหลักทรัพย์ขั้นที่ 1 อยู่ที่ 7.1% เงินทุนสำรองของไอเอ็นจีประกันชีวิตอยู่ที่ 258% ขณะที่สัดส่วนหนี้ต่อหุ้นของไอเอ็นจี (D/E Ratio)อยู่ที่ 12.6% เมื่อสิ้นปี
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|