|
LH Bank โชว์กลยุทธ์แบงก์เล็กเน้นคล่องตัว-ตั้งเป้าปล่อยกู้เพิ่ม20%
ผู้จัดการรายวัน(29 มกราคม 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
LH Bank ตั้งเป้าสินเชื่อ ปีนี้ 20% จากปีก่อนที่โต 25% ระบุยึดนโยบายโตอย่างระมัดระวังและมีคุณภาพ เผยแม้เศรษฐกิจชะลอแต่เชื่อว่ายังขยายสินเชื่อได้ จากข้อได้เปรียบมีขนาดเล็กทำให้คล่องตัวในการให้บริหารงาน ขณะที่ผลการดำเนินงานปีก่อนยังมีกำไร 240 ล้าน เพิ่มจากปีก่อนเท่าตัว
นางศศิธร พงศธร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) หรือ LH Bank เปิดเผยว่า ในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่ระดับ 20% เป็นอย่างมาก จากในปีก่อนที่เติบโตประมาณ 25% โดยกลยุทธ์ในปีนี้ธนาคารจะมุ่งเน้นการวางมาตรการระยะยาวให้ธนาคารเติบโตแบบมีคุณภาพ เช่น การควบคุมคุณภาพสินเชื่อ ให้ได้มาตรฐาน และควบคุมเกณฑ์ต่างๆ อย่างเคร่งครัดและอยู่ในระดับที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนด ส่วนการปล่อยสินเชื่อนั้นจะมีการขยายตัวอย่างระมัดระวัง เพื่อให้สินเชื่อใหม่ที่เข้ามามีปัญหาน้อยที่สุด ซึ่งจะเป็นการควบคุมการเพิ่มขึ้นของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)อีกทางหนึ่งด้วย
นอกจากนี้ ธนาคารจะยังพัฒนาด้านการบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง โดยธนาคารจะเลือกใช้จุดเด่นในเรื่องความคล่องตัวของธนาคาร ขนาดเล็กมาเป็นกลไกสำคัญในการบริหารงาน ส่งผลให้การบริการสอดรับกับความต้องการของ ลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งการประเมิน อัตราการเติบโตของสินเชื่อดังกล่าวเป็นไปตามสมมติฐานการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของธนาคารที่คาดการณ์ว่าในช่วงครึ่งปีแรกอาจจะ ติดลบส่วนครึ่งปีหลังนั้นอาจจะกลับมาเป็นบวกได้
'เหตุผลที่ธนาคารวางกรอบการทำธุรกิจในปีนี้เอาไว้กว้างๆ เพราะวิกฤตระบบการเงินของ โลกยังไม่จบ มาตรการของรัฐที่ทุ่มงบไปสู่ผู้ประกอบการและรายย่อยยังไม่สามารถทราบว่าจะสัมฤทธิผลได้เมื่อไหร่ และที่สำคัญความมั่นคงทางการเมืองที่ยังไม่นิ่งเท่าที่ควร ซึ่งธนาคารจะต้องมีการทบทวนแผนงานทุกเดือน'
สำหรับความคืบหน้าในการนำธนาคารเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯนั้น อยู่ระหว่างการดำเนินงานตามแผน แต่จะต้องดูความเหมาะสมภาวะตลาดในช่วงนั้นๆด้วย ขณะที่ปัจจุบันเงินทุนของธนาคารยังคงมีอย่างเพียงพอ จึงยังไม่จำเป็นต้องรีบร้อน
นางศศิธรกล่าวอีกว่า ในเร็วๆนี้ธนาคารจะทำรูปแบบใหม่ของการตลาดสาขา เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการลูกค้า โดยจะลงไปในพื้นที่เพื่อบริการลูกค้าได้สะดวกและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งธนาคารจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมานำเสนอ เช่น สินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี ซึ่งจะสนับสนุนการขยายกิจการหรือการลงทุนใหม่ๆ ของผู้ประกอบการรายย่อย เงินฝากออมทรัพย์พิเศษ หรือ เงินฝากกระแสรายวัน ที่ให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าสถาบันการเงินทั่วไปหรือเงินฝากปลอดภาษี ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ที่ต้องการเก็บออม และธนาคารยังมีแผนพัฒนาด้านสารสนเทศและบุคลากรของธนาคารให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันธนาคารมีสาขาอยู่จำนวน 21 สาขา เป็นสาขาในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล 16 สาขา และในส่วนภูมิภาคอีก 5 สาขา ส่วนแผนการขยายสาขานั้นจะต้องรอดูตามสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบันและอนาคต โดยอัตราการขยายสาขาน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3-5 สาขา โดยจะเน้นในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก ส่วนแผนการพัฒนารูปแบบการทำสาขาแบบใหม่นั้นคาดว่าจะพร้อมให้บริการได้ในช่วงกลางปีนี้
'ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ธนาคารมีเป้าหมายที่จะขยายฐานลูกค้าทั้งด้านเงินฝากและสินเชื่อ โดยการเข้าร่วมงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 20 ซึ่งธนาคารจะนำเสนออัตราดอกเบี้ยพร้อมเงื่อนไขพิเศษให้แก่ลูกค้าที่สนใจใช้ผลิตภัณฑ์ของธนาคาร'
นางศศิธร กล่าวว่า ผลประกอบการของธนาคารในปีที่ผ่านมายังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 240 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2550 ซึ่งมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 101 ล้านบาท และมีสินเชื่อ 32,014 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% ส่วนสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 44,216 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.5% สำหรับเอ็นพีแอลสุทธิมีการปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย โดยสิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 487 ล้านบาท หรือ 1.4% ของเงินให้สินเชื่อ
ทั้งนี้ธนาคารจะเข้มงวดในการควบคุมให้เอ็นพีแอลอยู่ไม่เกิน 2.5% โดยธนาคารมีนโยบาย ในการกันเงินสำรองในเกณฑ์ที่สูงขึ้น และธนาคาร มีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 13.84%
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|