|
วิกฤติเศรษฐกิจโลกทำต่างชาติหาย รพ.เอกชนปรับโฟกัสดึงตลาดไทย
ผู้จัดการรายสัปดาห์(26 มกราคม 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
ความสั่นคลอนของเศรษฐกิจทั่วโลก ส่งผลให้ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนต้องเร่งปรับตัว หลังคนไข้ต่างชาติชะลอตัวลดลง โดยเริ่มให้ความสำคัญกับการเพิ่มสัดส่วนคนไข้ในประเทศ พร้อมทั้งอัดกิจกรรมด้วยการออกแพ็กเกจเหมาจ่าย เพื่อหวังจับกลุ่มลูกค้าองค์กรให้เข้ามา
สถานการณ์ของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในปี 2552 เริ่มมีแนวโน้มที่คนไข้ในประเทศ และคนไข้ต่างชาติปรับตัวลดลง เพราะมีปัจจัยมาจากเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจภายในประเทศที่ตกต่ำ ขณะเดียวกันปัจจัยความขัดแย้งทางด้านการเมืองที่แม้ว่าจะเริ่มคลี่คลายลงไปพอสมควร แต่ก็ต้องใช้ระยะเวลาในการสร้างความเชื่อมั่นของชาวต่างชาติ เนื่องจากคนไข้ชาวต่างชาติบางส่วนเริ่มชะลอการเดินทางมาไทยอย่างเห็นได้ชัด
ทำให้คาดว่า โรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ที่มุ่งจับตลาดลูกค้าระดับกลางถึงสูง รวมทั้งคนไข้ชาวต่างชาติ จะมีความยากลำบากในการทำตลาดมากขึ้น ขณะที่โรงพยาบาลขนาดกลางถึงเล็กกลับมีการปรับไปให้บริการกลุ่มคนไข้ในประเทศที่ได้รับสวัสดิการด้านสุขภาพกันมากขึ้น โดยเฉพาะโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และผู้ได้รับสิทธิจากโครงการประกันสังคม ซึ่งมีจำนวนรวมกันถึงประมาณ 56.4 ล้านคน
ขณะเดียวกันคนไข้ในประเทศที่เคยใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่บางส่วน อาจจะหันไปใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนขนาดกลางที่มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าทั้งนี้เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายนั่นเอง แม้แต่โรงพยาบาลเอกชนที่เคยมีคนไข้ต่างประเทศเข้าไปใช้บริการในสัดส่วนที่สูงก็ตาม ยังมีความจำเป็นต้องหันมาเพิ่มสัดส่วนคนไข้ในประเทศมากขึ้น เพื่อหวังเพิ่มรายได้ ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าเหล่าบรรดาผู้ประกอบการหลายแห่งต่างทำการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาคารที่จอดรถ อาคารผู้ป่วย เครื่องมือทางการแพทย์กันมากขึ้น
รวมทั้งการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ เพื่ออำนวยความสะดวก และเตรียมความพร้อมรองรับจำนวนคนไข้ที่จะเพิ่ม ขึ้นหลังวิกฤติเศรษฐกิจคลี่คลายลง โดยเฉพาะคนไข้ชาวต่างชาติที่ยังคงนิยม ใช้บริการธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนของไทย อันเนื่องมาจากปัจจัยและข้อได้เปรียบทั้งด้านคุณภาพการรักษาพยาบาล รวมถึงการให้บริการของบุคลากรทางการแพทย์ ที่มีอัตราค่ารักษาพยาบาลอยู่ในระดับต่ำกว่าคู่แข่ง อาทิ สิงคโปร์ และฮ่องกง
ผลกระทบที่ทำให้โรงพยาบาลเอกชนได้รับจึงมีความแตกต่างจากธุรกิจท่องเที่ยว ตรงที่การท่องเที่ยวนั้นสามารถชะลอ หรือยกเลิกได้ง่าย แต่หากเป็นโรคภัยไข้เจ็บในกรณีที่ต้องตรวจรักษาเร่งด่วน ไม่สามารถชะลอออกไปได้ ซึ่งความจำเป็นของการเข้าใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนจึงมิอาจหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตาม คนไข้สามารถเลือกไปรักษาที่อื่นๆที่มีข้อได้เปรียบทางด้านคุณภาพการรักษา ราคาค่าบริการ และประการสำคัญการบริการที่มีความสะดวกและปลอดภัย
ด้วยศักยภาพที่มีอยู่ส่งผลให้กลยุทธ์การตลาดของผู้ประกอบการโรงพยาบาลเอกชนหันไปใช้การจัดกิจกรรมต่างๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ หรือแม้แต่การจัดแพ็กเกจรักษาในราคาประหยัด หรือแบบเหมาจ่ายก็ตาม ซึ่งมีโรงพยาบาลบางแห่งให้การตรวจสุขภาพประจำปีแบบมีส่วนลด การรักษาโรคที่ประชาชนใช้บริการมาก อาทิ โรคหัวใจ คลอดบุตร การรักษาข้อเข่าเสื่อม การตรวจรักษาความผิดปกติทางสายตา เป็นต้น
การปรับตัวให้ความสำคัญกับคนไข้กลุ่มองค์กรมากขึ้นจึงเป็นแผนการตลาดที่ผู้ประกอบการธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนได้วางไว้ เนื่องจากในช่วงที่คนไข้ในประเทศ และคนไข้ชาวต่างชาติมีแนวโน้มปรับลดลงตามปัจจัยด้านเศรษฐกิจ ที่ถดถอย ลูกค้ากลุ่มองค์กรต่างๆ ที่ได้รับความคุ้มครองด้านสุขภาพ อาทิ กลุ่มพนักงานบริษัท และกลุ่มที่มีการทำประกันสุขภาพ นับเป็นกลุ่มที่ยังมีกำลังซื้อ และช่วยให้โรงพยาบาลเอกชนมีหลักประกันทางด้านรายได้อย่างต่อเนื่อง
ที่ผ่านมาโรงพยาบาลเอกชนหลายค่ายตัดสินใจที่จะตกลงทำสัญญากับบริษัทใหญ่ๆ ซึ่งมีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล นอกจากนั้นยังมีการติดต่อกับบริษัทประกันสุขภาพ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเป็นเครือข่ายการรักษาพยาบาล ด้วยยุทธวิธีให้ส่วนลดพิเศษสำหรับการทำสัญญาการรักษาพยาบาลกับบริษัท เพื่อสร้างแรงจูงใจในการเข้าไปใช้บริการ
การแข่งขันของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนเริ่มเปลี่ยนไปและมีความเข้มข้นชิงไหวชิงพริบกันมากขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อรองรับธุรกิจที่จะกลับมาฟื้นตัวภายหลังเศรษฐกิจขณะที่กำลังซื้อของคนไข้เริ่มปรับตัวดีขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะคนไข้ชาวต่างชาติที่ยังคงนิยมไว้วางใจใช้บริการธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนของไทยเป็นอย่างมาก
ขณะเดียวกันปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้และเป็นปัจจัยที่ยังคงมีอยู่ในธุรกิจ ก็คือ จำนวนบุคลากรทางการแพทย์ที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของโรงพยาบาลเอกชนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้โรงพยาบาลเอกชนจำเป็นต้องมีการดึงบุคลากรทางการแพทย์จากภาครัฐไปพร้อมๆกับมีการดึงบุคลากรจากโรงพยาบาลเอกชนด้วยกันเองอีกด้วย โดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่ในอนาคตจะเป็นตัวแปรสำคัญในการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักทั้งคนไทยและต่างชาติ
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|