|
แกรมมี่จับเซกเม้นท์สู้ศึก ชูดิจิตอล ต่อยอดรายได้
ผู้จัดการรายวัน(23 มกราคม 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
แกรมมี่ปรับทัพรับเทรนด์อุตฯบันเทิงในอนาคต มุ่งทำตลาดแบบเจาะลึก จับฐานผู้บริโภคเป็นเซ็กเม้นท์มากยิ่งขึ้น ชูดิจิตอลต่อยอดรายได้ พัฒนาศิลปินโกอินเตอร์ ชนศึกนิวมีเดียเดินหน้าผุดทีวีดาวเทียมครบ 5 ช่อง มั่นใจคุมกำไรได้สูงขี้น ส่วนรายได้ เชื่อยอดโตไม่ต่ำกว่าปีก่อน
นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมรายได้ในปี 2551 แนวโน้มน่าเป็นไปตามที่คาดไว้ว่า หรือเติบโตขึ้น 2-3% จาก7,500 ล้านบาทในปี 2550 ขณะที่กำไรมั่นใจว่าจะเติบโตสูงสุดในรอบ 25 ปี มากกว่า 700 ล้านบาท ที่เคยทำได้ในปี 2547 ซึ่งแนวโน้มผลประกอบการที่ดีขึ้นนี้ เนื่องจากบริษัทฯมีการเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาเรื่องของเทคโนโลยี ที่เคยส่งผลต่ออุตสาหกรรมเพลงในช่วง 2-3 ปีก่อนที่ผ่านมา โดยมุ่งเรื่องของดิจิตอล และนิวมีเดียมาเป็นเครื่องมือในการต่อยอดรายได้
และจากกระแสอุตสาหกรรมบันเทิงไทยในช่วง 3-5 ปีนับจากนี้ มองว่า 1.คอนเท้นท์และมีเดียจะมีความเป็นเซกเม้นท์มากยิ่งขึ้น ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด 2.กระแส Cross Colture จะเป็นโอกาสในการสร้างรายได้มากขึ้น และ3. ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี ทำให้ดิจิตอล คอนเท้นท์มีบทบาทมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้แผนการดำเนินงานของแกรมมี่ในปีนี้ จะมุ่งสร้างโทเทล เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ แพลทฟอร์ม โดยมุ่ง4เรื่องหลัก คือ 1.คอนเท้นท์ (Content) 2.ทาเลนต์ (Talent) 3. ช่องทางการสื่อสารเพื่อเข้าถึงผู้บริโภค (Media) และ4.ช่องทางการสร้างรายได้ (Distribution)
โดยจะมุ่งเน้นทำตลาดใน 2 เรื่องหลัก คือ 1.ดิจิตอล แพลทฟอร์ท เนื่องจากพบว่าเป็นธุรกิจใหม่ที่สร้างกำไรให้อย่างสูง ไม่ต่ำกว่า 60-70%จากต้นทุนเดิม เช่นSubscription Model ที่ร่วมกับดีแทคในแคมเปญ Happy Vampires ให้ผู้บริโภคดาวน์โหลดเพลงได้ไม่จำกัด ค่าบริการ 20 บาทต่อเดือน ในเดือนมี.ค.ที่จะถึงนี้คาดว่าจะมีฐานสมาชิกที่ 1 ล้านคน โดยในปี2552นี้ บริษัทฯจะร่วมกับผู้ให้บริการสัญญาณมือถือที่เหลือทั้งหมด หรือทั้งปีคาดว่าจะมีฐานสมาชิกกับการทำSubscription Model ถึง 4-5 ล้านคน
2.การทำตลาดต่างประเทศ จะมีการพัฒนาศิลปินให้มีความสามารถและจะเปิดการแสดงในระดับโลกต่อไป จากขณะนี้ได้รับความนิยมในเอเชียค่อนข้างมาก อย่าง ไอซ์-ศรัญยู,ชิน-ชินวุฒิ และกอล์ฟ-ไมค์ พร้อมทั้งพัฒนาศิลปินหน้าใหม่เข้าสู่วงการอีกอย่างต่อเนื่อง
“ปีนี้บริษัทฯจะมุ่งเรื่องการทำตลาดแบบเซกเม้นท์เตชั่น ทั้งเรื่องของคอนเท้นท์เพลง และมีเดีย โดยวิธีการทำตลาดเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคแต่ละกลุ่มนั้น จะใช้ซีอาร์เอ็ม มาเก็ตติ้ง เป็นหลัก ซึ่งกลุ่มดิจิตอลเชื่อว่าจะเป็นตัวที่สร้างรายได้และกำไรให้มากที่สุด”
นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามจากสภาพเศรษฐกิจในปีนี้ มองว่าภาพรวมอุตสาหกรรมบันเทิงอาจจะทรงตัว ดังนั้นภาพรวมรายได้ของแกรมมี่ในปี2552 เบื้องต้นคาดว่าจะทำได้เท่าปีก่อน หรือไม่ต่ำกว่า 7,500 ล้านบาท แต่ในแง่กำไรนั้น เชื่อมั่นว่าจะเติบโตมากกว่าที่คาดหมายไว้ในปี 2551 ที่ผ่านมา โดยตัวเลขกำไร 9 เดือนของปี 2551 เติบโตประมาณ 30% คิดเป็นมูลค่าที่ 457 ล้านบาท ดังนั้นคาดว่าทั้งปีน่าจะมีแนวโน้มตัวเลขเติบโตในระดับเดียวกัน หรือมากกว่า 700 ล้านบาท ที่เคยทำได้ในปี 2547
ทั้งนี้ในส่วนของกลุ่มรายได้หลักนั้น 60%ยังมาจากมิวสิค และภาพยนตร์ และอีก 40%มาจากสื่อมีเดีย ซึ่งในส่วนของมิวสิคนั้น ปีที่ผ่านมา มีสัดส่วนรายได้จากดิจิตอลอยู่ที่ 18% ของรายได้รวมทั้งหมด ขณะที่ในปี 2552 มองว่ารายได้เพลงที่มาจากดิจิตอลนี้จะเพิ่มขึ้นอีก 30% ซึ่งหากภาพรวมรายได้ของเพลงดีขึ้น สัดส่วนของดิจิตอลก็น่าจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
สำหรับทางด้านมีเดียใหม่อย่างทีวีดาวเทียม จากเดิมที่เปิดให้บริการแล้ว 1 ช่อง คือ ช่อง FAN TV เมื่อเดือนต.ค.ปีที่ผ่านมา ปีนี้จะเปิดให้ครบ 5 ช่อง โดยช่องที่เหลือ คือ BANG Channel, Green Channel, Acts Channel และ Bird Channel ภายใต้งบลงทุนรวม 500 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|