"ประชัย"ติง"พละ"ไม่เหมาะเป็นกก.ทีพีไอ


ผู้จัดการรายวัน(26 สิงหาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

ประชัยชี้ "พละ สุขเวช" ไม่เหมาะสมเป็นกรรมการปรับโครงสร้างหนี้ทีพีไอ เนื่องจากเป็นบอร์ดในหลายบริษัทที่ดำเนิน ธุรกิจใกล้เคียงกัน ส่วนทีพีไอโพลีน เตรียมขายหุ้นเพิ่มทุนใหม่อีกครั้งในช่วงพฤศจิกายนนี้ จำนวน 180 ล้านเหรียญสหรัฐ

นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) (TPI) เปิดเผยว่า ตัวเองยอมที่จะวางมือจากทีพีไอ แต่ยังถือว่ามีตำแหน่งในฐานะผู้บริหารอยู่ ดังนั้นอะไรที่เห็นว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้องก็จำเป็นต้องออกมาทักท้วงบ้าง อย่างกรณีที่กระทรวงการคลังแต่ง ตั้งนายพละ สุขเวช มานั่งเป็น 1 ในคณะกรรมการผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอนั้น เรื่องนี้ ไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาด เพราะถือว่านายพละ มีตำแหน่งเป็นผู้บริหารในหลายๆ บริษัทที่เป็นคู่แข่งของทีพีไอ เช่น เป็นกรรมการ บริษัท ไทย ออยล์ จำกัด , บริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน) , บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ บริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

ดังนั้น การมานั่งบริหารของนายพละ จึงมีความขัดแย้งกันและอาจขัดต่อหลักธรรมภิบาลด้วย

สำหรับทิศทางของผลประกอบการของทีพีไอนั้น ช่วงที่ตัวเองเข้ามาบริหารแผนชั่วคราวนั้นสามารถทำให้อัตราส่วนกำไรก่อนหักภาษี ค่าเสื่อมและดอกเบี้ย(อีบิด้า) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 800 ล้านบาทต่อเดือน จากก่อน หน้านี้ซึ่งอยู่ที่ระดับ 600 ล้านบาทต่อเดือนและยังมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 1,000 ล้านบาทต่อเดือนได้ เนื่องจากราคาน้ำมันมีโอกาสขยับสูงขึ้น

นายประชัย กล่าวต่อไปว่าขณะนี้บริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทีพีไอมีแผนฯจะดำเนินการขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 180 ล้านเหรียญสหรัฐอีกครั้ง ในช่วงพฤศจิกายนนี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่าง คัดเลือกที่ปรึกษาทางการเงินและน่าจะสรุปได้ในเร็วๆ นี้

ภายหลังจากขายหุ้นเพิ่มทุนเสร็จ ทีพีไอโพลีนจะกู้ยืมเงินจากธนาคารกรุงไทยจำนวน 750 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อนำไปปรับโครงสร้างหนี้

ส่วนประเด็นการถือหุ้นไขว้กันระหว่าง ทีพีไอ กับ ทีพีไอโพลีน นั้น ทีพีไอจะขายหุ้นจำนวน 49% ที่ถืออยู่คืนให้ทีพีไอโพลีนทั้งหมด ขณะเดียวกันทีพีไอโพลีนก็จะนำโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกทั้ง แอลดีพีอี และ อีวีเอ แลกขายให้กับทีพีไอ ซึ่งจะทำให้การถือหุ้นของทั้ง 2 บริษัทไม่มีการทับซ้อนกัน

ก่อนหน้านี้ ทีพีไอโพลีนเคยเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 180 ล้านเหรียญ ราคาหุ้นละ 17 บาทให้กับประชาชนทั่วไป แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากในช่วงดังกล่าวเกิดภาวะสงครามสหรัฐฯ-อิรัก ทำให้นักลงทุนไม่มีความมั่นใจในตลาดทุน



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.