ปตท.ไฟเขียวกู้เงิน6.5หมื่นล้านรีไฟแนนซ์-ขยายธุรกิจ


ผู้จัดการรายวัน(20 มกราคม 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

คณะกรรมการ “ปตท.” ไฟเขียวจัดหาแหล่งทุนมูลค่ากว่า 6.5 หมื่นบาท สำรองไว้ขยายกิจการ-รีไฟแนนซ์ ตามแผนลงทุนระยะยาว 5 ปี พร้อมแก้ไขข้อบังคับบริษัทใหม่ หวังเปิดทางซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารการเงิน ก่อนนำเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติ ขณะที่ราคาหุ้นล่าสุดปิดที่ 158 บาท

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2552 ว่า คณะกรรมการได้พิจารณาแผนการลงทุน 5 ปี (ปี 2552-2556) โดยอนุมัติให้จัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ในการลงทุน หรือทุนหมุนเวียน หรือทดแทนเงินกู้ที่ครบกำหนดชำระ (Refinance) วงเงินรวมประมาณ 65,000 ล้านบาท พร้อมให้นำเสนอแผนการจัดหาเงินกู้ 5 ปีดังกล่าวเพื่อขอความเห็นชอบจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2552

ทั้งนี้ การอนุมัติจัดหาแหล่งเงินกู้จำนวนดังกล่าว คณะกรรมการได้พิจารณาถึงภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์พลังงานทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงประมาณการสถานการณ์ทางการเงิน ประมาณการกระแสเงินสดระยะยาวและอัตราส่วนทางการเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ขณะเดียวกัน มติคณะกรรมการครั้งนี้สอดคล้องกับมติคณะกรรมการครั้งที่ 12/2551 ที่มีมติเห็นชอบแผนการลงทุน 5 ปี (ปี 2552 - 2556) ของ ปตท. วงเงินรวมทั้งสิ้น 229,340 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนการลงทุนดังนี้คือ เงินที่ใช้ลงทุนก๊าซธรรมชาติ 132,844 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 58% ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมด ธุรกิจน้ำมัน 9,880 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4% ลงทุนในบริษัทร่วมทุน 80,618 ล้านบาท หรือคิดเป็น 35% สำนักงานใหญ่และอื่นๆ รวม 5,998 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3%

สำหรับแผนการลงทุนของปตท. ส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีโครงการหลักประกอบด้วย โครงการระบบท่อส่งก๊าซฯ โครงการโรงแยกก๊าซฯ หน่วยที่ 6 โครงการโรงแยกก๊าซอีเทน และโครงการก่อสร้างสถานี NGV

ส่วนเงินลงทุนในบริษัทร่วมทุนเป็นเงินลงทุนในบริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด บริษัทปตท. กรีนเอ็นเนอร์ยี่ จำกัด และบริษัท พีทีที อาซาฮี เคมิคอล จำกัด เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ปตท.จะติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจและแผนการดำเนินธุรกิจอย่างใกล้ชิด และอาจพิจารณาปรับแผนการลงทุนตามความจำเป็นและความเหมาะสมหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีสาระสำคัญ

พร้อมกันนี้ คณะกรรมการบริษัทยังได้มีมติแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของ ปตท. โดยเห็นสมควรเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2552 เพื่อพิจารณาอนุมัติการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของ ปตท. ข้อ 2 ข้อ 17 ข้อ 49 และ ข้อ 67 ซึ่งข้อที่สำคัญคือ ข้อ 17 ให้ยกเลิกข้อความเดิมและแก้ไขเพิ่มเติมเป็นดังนี้ "ห้ามมิให้บริษัทเป็นเจ้าของหุ้น หรือรับจำนำหุ้นของบริษัทเอง เว้นแต่ในกรณีดังต่อไปนี้

(1) บริษัทอาจซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นที่ออกเสียงไม่เห็นด้วยกับมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งแก้ไขข้อบังคับของบริษัทเกี่ยวกับสิทธิในการออกเสียงลงคะแนน และสิทธิในการรับเงินปันผล ซึ่งผู้ถือหุ้นเห็นว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรม

(2) บริษัทอาจซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน เมื่อบริษัทมีกำไรสะสมและสภาพคล่องส่วนเกิน และการซื้อหุ้นคืนนั้นไม่เป็นเหตุให้บริษัทประสบปัญหาทางการเงิน การซื้อหุ้นของบริษัทคืนต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น เว้นแต่ในกรณีที่บริษัทซื้อหุ้นคืนในจำนวนไม่เกินกว่าร้อยละ 10 ของทุนชำระแล้ว ให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการบริษัท

หุ้นที่บริษัทถืออยู่อันเนื่องมาจากการซื้อหุ้นคืนนั้น จะไม่นับเป็นองค์ประชุมในการประชุมผู้ถือหุ้นรวมทั้งไม่มีสิทธิในการออกเสียงลงคะแนนและสิทธิในการรับเงินปันผล และการซื้อหุ้นของบริษัทคืน การจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน และการตัดหุ้นที่ซื้อคืน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัด และกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น"

การแก้ไขดังกล่าวเพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารการเงินและเป็นเครื่องมือในการปรับโครงสร้างทางการเงินของบริษัท จึงเห็นสมควรให้แก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของบริษัท โดยในกรณีที่บริษัทซื้อคืนในจำนวนไม่เกินกว่าร้อยละ 10 ของทุนชำระแล้วให้เป็นอำนาจคณะกรรมการบริษัท

สำหรับราคาหุ้น PTT วานนี้พบว่า ราคาปิดที่ 158 บาท ลดลง 1 บาท คิดเป็น 0.63 % ด้วยมูลค่าซื้อขาย 859.51 ล้านบาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.