MFCลุยสมอลแคปแมทชิ่งฟันด์


ผู้จัดการรายวัน(19 มกราคม 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

บลจ.เอ็มเอฟซี แจงแผนตั้งกองทุน "สมอลแคปแมชชิ่งฟันด์" ไม่ล่ม เหตุทำสัญญากับตลาดหลักทรัพย์ฯ ชัดเจน ล่าสุด อยู่ระหว่างขอจัดตั้งกองทุนมูลค่า 1,000 ล้านบาท กับสำนักงาน ก.ล.ต. มั่นใจ ระดมทุนได้ตามเป้า 150 ล้านบาท รับเงินร่วมลงทุนจากตลาดฯ อีก 100 ล้านบาทแน่นอน หลังสถาบันตอบรับแล้ว 1 ราย "พิชิต" ชูจุดขาย หุ้นสมอลแคปราคาดิสเค้าท์ไปค่อนข้างมากแล้ว เหตุไม่มีข้อมูล ข่าวสารซัพพอร์ต ทำให้โอกาสในการทำกำไรส่วนเกินมีสูง คาดเปิดขายไอพีโอได้เดือนมีนาคมนี้

นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับแผนการจัดตั้งกองทุนร่วมลงทุนหรือแมทชิ่งฟันด์ ระหว่างตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในส่วนของกองทุนสมอลแคปนั้น ยังไม่มีการยกเลิกแต่อย่างใด หลังจากก่อนหน้านี้ ตลาดได้ยกเลิกการร่วมลงทุนในกองทุนแมทชิ่งฟันด์ ในส่วนของกองเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป เนื่องจากนักลงทุนไม่มีมั่นใจต่อการลงทุนในตลาดหุ้น จนทำให้ไม่สามารถระดมทุนได้ตามเป้า โดยในขณะนี้กองทุนสมอลแคดังกล่าว กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาจัดตั้งกองทุนของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งบริษัทจดทะเบียนตั้งกองทุนไปมูลค่า 1,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ สาเหตุที่เรามั่นใจว่าจะไม่มีการยกเลิกการตั้งกองทุนแมทชิ่งฟันด์ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ได้มีการลงนามสัญญากับทางตลาดหลักทรัพย์ไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งที่ผ่านมา ทางตลาดหลักทรัพย์เองก็ไม่ได้แจ้งยกเลิกมาแต่อย่างใด ขณะเดียวกัน เชื่อว่าหลังจากจัดตั้งกองทุนได้แล้ว จะสามารถระดมทุนได้ตามที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด คือ ต้องระดมทุนให้ได้ 150 ล้านบาท แล้วตลาดถึงจะร่วมลงทุนอีก 100 ล้านบาท รวมแล้วเป็นเงินลงทุนขั้นต่ำ 250 ล้านบาท โดยในขณะนี้ มีนักลงทุนสถาบันรายหนึ่งแสดงความสนใจร่วมลงทุนกับกองทุนดังกล่าวแล้ว และมีอีกประมาณ 2-3 ราย ที่กำลังอยู่ระหว่างการตัดสินใจ

"เราเชื่อว่าจะสามารถระดมทุนได้ตามที่ตลาดตั้งไว้แน่นอน เพราะจากการพูดคุยกับนักลงทุนสถาบันแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ซึ่งกองทุนนี้ นักลงทุนทั่วไปเองก็สามารถร่วมลงทุนได้เช่นกัน โดยในช่วงแรก คาดว่าระดมทุนได้ในช่วงเดือนมีนาคม และคาดว่าจะสามารถจดทะเบียนกองทุนได้ประมาณ 300-400 ล้านบาท ส่วนบรรยากาศการลงทุนในช่วงนี้ ก็เชื่อว่าจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการตัดสินใจลงทุนเช่นกัน เนื่องจากตอนนี้ตลาดหุ้นไทยเองก็ไม่ได้แกว่งตัวมากนัก " นายพิชิตกล่าว

สำหรับกองทุนที่ของจัดตั้งกับสำนักงาน ก.ล.ต. ไปนั้น จะมีนโยบายเน้นลงทุนหุ้นที่มีมูลค่าตลาด (มาร์เกตแคป) ตั้งแต่ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ซึ่งปกติหุ้นในกลุ่มนี้ จะไม่มีข้อมูล ข่าวสาร หรือการทำบทวิเคราะห์ค่อนข้างน้อย เนื่องจากหุ้นส่วนใหญ่สภาพคล่องค่อนข้างน้อย แต่อย่างไรก็ตาม หุ้นขนาดเล็กถึงขนาดกลางหลายตัว ก็เป็นหุ้นที่มีผลประกอบการดี และมีความมั่นคงด้วย

ทั้งนี้ จากข้อมูล ข่าวสารที่ค่อนข้างน้อยดังกล่าวนี้เอง ทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มนี้เองปรับลดลงค่อนข้างมาก จนราคาในตลาดไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นนั้น หรือสะท้อนราคาที่ต่ำกว่าควรจะเป็น ดังนั้น จึงเป็นโอกาสดีในการลงทุนช่วงที่ราคาถูก และมีโอกาสในการทำกำไรส่วนเกิน (อัลฟ่า) มากกว่าปกติด้วย

"ที่ผ่านมา หุ้นในกลุ่มนี้ราคาดิสเค้าท์ไปค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นผลเนื่องมาจากการที่ไม่มีข้อมูลข่าวสาร หรือบทวิเคราะห์มากนัก ดังนั้น จึงน่าจะเป็นโอกาสในการทำกำไรส่วนเกินมากกว่าปกติ ขณะเดียวกัน หุ้นหลายตัวในกลุ่มนี้มี ยังมีผลประกอบการที่ดีด้วย"นายพิชิตกล่าว

นายพิชิตกล่าว กองทุนสมอลแคปดังกล่าว ไม่มีการกำหนดระยะเวลาในการระดมทุนว่าจะต้องทำให้ได้ตามเป้าหมายภายในช่วงไหน และตลาดหลักทรัพย์ก็ร่วมลงทุนเพียงครั้งเดียว คือ 100 ล้านบาท ส่วนกองทุนแมทชิ่งฟันด์เพื่อผู้ลงทุนสถาบัน ที่ตลาดปรับเปลี่ยนเพิ่มเงินร่วมลงทุนนั้น ในส่วนของบลจ.เอ็มเอฟซีเอง ก็มีความสนใจเช่นกัน แต่ยังต้องรอดูทิศทางตลาดก่อนว่า หลังจากนี้จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนความคืบหน้าล่าสุดในการจัดตั้งกองทุนแมทชิ่งฟันด์นั้น นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการ ต.ล.ท. ชี้แจงว่า ขณะนี้ บริษัทจดทะเบียน (บจ.) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ได้ชะลอแผนลงทุนในกองทุนแมทชิ่งฟันด์กับตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ความน่าสนใจในการลงทุนในกองทุนแมทชิ่งฟันด์ลดลง จากในช่วงปลายปีที่ผ่านมา มีบลจ.2 แห่ง และบจ 7-8 แห่งสนใจที่จะร่วมลงทุนรายละ 100 ล้านบาท

ทั้งนี้ แม้บลจ.และบจ.จะชะลอแผนการร่วมลงทุน แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะยังคงเดินหน้าจัดตั้งกองทุนแมทชิ่งฟันด์ด้วยเงินทุนของตลาดหลักทรัพย์ฯ เอง ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ มีวงเงินที่จะลงทุนในกองทุนแมทชิ่งฟันด์จำนวน 2,000 ล้านบาท โดยขณะนี้เหลือเงินที่จะลงทุนอีก 1,700 ล้านบาท จากที่ก่อนหน้านี้ได้ร่วมลงทุนกับบลจ.ไปแล้ว 300 ล้านบาท แต่ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังไม่ได้มีการเริ่มลงทุน ซึ่งจะเริ่มทยอยลงทุนในจังหวะที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดี

ก่อนหน้านี้เอง ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการปรับรูปแบบการลงทุนในกองทุนแมทชิ่งฟันด์ เหลือ 1 กองทุนเพื่อผู้ลงทุนสถาบัน ซึ่งจะชวน บจ.ที่มีฐานะการเงินแกร่ง ร่วมลงทุนรายละ 100 ล้านบาท เพราะ บลจ.มีการระดมทุนจากนักลงทุนรายย่อยไม่ได้ตามจำนวนเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนดไว้ ทำให้เหลือกองทุนแมทชิ่งฟันด์เพียง 1 กองทุนเพื่อนักลงทุนสถาบันเท่านั้น ซึ่งเดิมนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯจะร่วมลงทุนแบ่งเป็น แมชชิ่งฟันด์เพื่อผู้ลงทุนสถาบัน สัดส่วน 1:4 โดยตลาดหลักทรัพย์ร่วมใส่เงิน 1,000 ล้านบาท และอีก 4,000 ล้านบาท มาจากผู้ลงทุนสถาบัน รวมเป็นมูลค่า 5,000 ล้านบาท จำนวน 1 กอง

สำหรับกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป สัดส่วน 1:3 โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมลงทุน 100 ล้านบาท จาก บลจ. อีก 300 ล้านบาท ทำให้แต่ละกองมีมูลค่า 400 ล้านบาท จำนวน 5 กอง รวมเป็นมูลค่า 2,000 ล้านบาท และ.กองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป ซึ่งเน้นลงทุนในบริษัทขนาดเล็ก สัดส่วน 1:1.5 โดยตลาดหลักทรัพย์ร่วมใส่เงิน 100 ล้านบาท จากบลจ. อีก 150 ล้านบาท จำนวน 5 กอง รวมเป็น 1,250 ล้านบาท ดังนั้น รวมมูลค่าแมชชิ่งฟันด์ ทั้ง 3 ประเภทจะมีเงินจำนวนทั้งสิ้น 8,250 ล้านบาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.