|

SAM ยอมรับผลงานไตรมาส4ปี51ทรุด ขาดทุนสต๊อกเหล็กราคาตลาดโลกร่วง
ผู้จัดการรายวัน(13 มกราคม 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
'สามชัย สตีล' เสียงอ่อยไตรมาส 4 ปี 51 ขาดทุนแน่ ผลจากเหล็กในสต๊อก หลังราคาเหล็กปรับลดทำให้ต้องขาดทุนจากการสต๊อกเหล็ก ขณะที่การตัดขาดทุนจากสินค้าคงคลัง ขึ้นอยู่กับผู้สอบบัญชีจะตัดงวดเดียวหมดหรือทยอยตัด รับครึ่งแรกปี 52 ไม่กระเตื้อง เชื่อภาพรวม ยังไม่ฟื้น รอผลครึ่งปีหลัง เล็งซื้อหุ้นคืนหลังราคาหุ้นปรับลดต่ำกว่าพาร์ เตรียมขออนุมัติจากผู้ถือหุ้น เมษายนปีหน้า
นายพัชวัฎ คุณชยางกูร รองประธานกรรมการและผู้จัดการ บริษัท สามชัย สตีล อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) จำกัด(มหาชน) (SAM) เปิดเผยว่าผลงาน ไตรมาส 4 ที่จะปิดงบลงนั้น แนวโน้มขาดทุนเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเกิดจากการขาดทุนจากสต๊อกสินค้าคงคลัง หลังราคาเหล็กในตลาดโลกต่ำลงเมื่อผ่านช่วงกลางปี 51 มาแล้ว ซึ่งต่างจากช่วงครึ่งแรก ที่บริษัทมีกำไรจากการจำหน่ายเหล็กเพราะราคาเหล็กตลาดโลกเป็นช่วงขาขึ้น
'แต่การสต๊อกสินค้าคงคลังของเราก็มีหลายราคา เราซื้อเข้ามาตอน 31-32 บาท และบางล็อตก็ 20 กว่าบาท แต่พอตอนเราขายก็ต้องมาดูกันว่าเราจะได้ส่วนต่างมากน้อยแค่ไหน ซึ่งโดยรวมแน่นอนราคาเหล็กลงเราก็แย่ เพราะปกติ เรามีสต๊อกไว้ประมาณ 2 หมื่นตัน'
อย่างไรก็ตาม ผลงานของ SAM สองไตรมาสแรกถือว่าดีต่อเนื่อง ขณะที่ไตรมาส 3 เป็นช่วงที่ราคาเหล็กเริ่มนิ่งและไตรมาส 4 ถือว่าเป็นช่วงราคาเหล็กเริ่มปรับลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งปัจจุบัน อยู่ที่ประมาณ 19-20 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับราคาเหล็กจังหวะขายออกไปนั้นแต่ละชนิดราคาตลาดจะอยู่ที่เท่าไหร่ เพราะหากราคาขายได้ใกล้เคียงกับราคาสต๊อกไว้ก็ย่อมทำให้ส่วนต่างราคามีน้อย นั่นหมายถึงการขาดทุนจากการสต๊อกสินค้าย่อมลดลงด้วย
ดังนั้น ราคาเหล็กผันผวนหนักส่งผลกระทบต่อเป้าหมายของบริษัทปีนี้ ที่ก่อนหน้าผู้บริหารออกมาย้ำว่าจะโกยรายได้สูงถึง 5-6 พันล้านบาท และไม่น่าจะพลาดเป้า แต่พอราคาเหล็กในตลาดโลกปรับลดต่ำลงในช่วงปลายปี ทำให้เกิดผลขาดทุนจากราคาสินค้าอย่างเห็นได้ชัด
' ยอมรับไตรมาส 4 เราแย่ เพราะขาดทุนจากราคาเหล็กที่เราสต๊อกไว้ แต่จะมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับผู้ตรวจบัญชีว่าจะให้ลงบันทึกแบบใด เพราะหากให้เป็นขาดทุนจากการสต๊อกสินค้าคงคลังทีเดียวก็คงหนัก แต่ก็เป็นการตัดแล้วหมดเลย แต่ถ้าทยอยตัดก็จะมีผลกระทบต่องบการเงินต่อไปจนถึงผลปีหน้า แต่จะตัดแบบใดคงต้องขึ้นอยู่กับผู้ตรวจบัญชีของเรา' นายพัชวัฎกล่าว
นอกจากนี้ ออเดอร์ที่มีเข้ามานั้นแม้จะต่อเนื่อง แต่หลังจากราคาเหล็กปรับลดและเกิดวิกฤตทางการเงินขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3 ก่อนจะลุกลามใหญ่ ทำให้การส่งมอบสินค้าไม่อาจเป็นไปได้ตามเป้าหมาย ขณะที่ออเดอร์เข้ามานั้นก็ไม่อาจยืนยันได้ว่าลูกค้าจะยังต้องการสินค้าหรือไม่ เพราะมีออเดอร์ที่ยังค้างรอการส่งมอบซึ่งประเมินยากสำหรับผู้จำหน่ายเหล็ก
แม้ว่าตั้งแต่ปลายปี 50 จนกระทั่งมาถึงครึ่งแรกปี 51 ยอดขายของบริษัทเพิ่มสูงจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ส่งผล ให้ตัวเลขกรอส มาร์จิ้นของบริษัทเพิ่มจาก 9% เป็น 18% และเน็ตมาร์จิ้นเพิ่มจาก 3-4% เป็นสูงกว่า 10% เนื่องจากราคาจำหน่ายพุ่งสูงต่อเนื่องจากปี 50 แล้ว
ขณะที่แผนการส่งออกเพิ่มจากเดิมที่ส่งออกไม่ถึง 5% ก็เพิ่มเป็นเกือบ 15% ส่งผลให้เม็ดเงินส่งออกเพิ่มจาก 300 ล้านบาท เป็นเกือบ 1 พันล้านบาท ซึ่งการส่งออกเพิ่มนั้น เป็นผลเนื่องจากความเสี่ยงของตลาดในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เกิดความผันผวนในการใช้จ่ายของผู้บริโภค ส่งผลต่อตัวเลขความต้องการใช้ที่แท้จริงลดลง ภาคอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว สวนทางกับตลาดต่างประเทศที่แน่นอนและความต้องการท่อเหล็กยังสูงต่อเนื่อง โดยตลาดส่งออกส่วนใหญ่เป็นตลาดในยุโรป ดังนั้น ผลกระทบที่เกิดขึ้นซ้ำซ้อนนอกจากราคาเหล็กปรับลดลงแล้ว ยังรวม ถึงวิกฤตการเงินที่ถือว่าส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลก จึงเป็นเรื่องที่ประเมินได้ยาก แม้ว่ายุโรปได้ยกเลิกมาตรการแอนตี้ ดัมปิ้ง ไปแล้วก็ตาม
นายพัชวัฎกล่าวว่า ปี 52 เป็นปีที่บริษัทประเมินยาก เพราะผลกระทบที่เกิด ปัญหาการเงินลุกลามในสหรัฐฯและลามไปยังยุโรป ส่งผลกระทบกับผู้ส่งออกไม่เพียงแต่ SAM แต่ยังรวมถึงทุกธุรกิจ ขณะที่รัฐบาลใหม่ไทยที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ นั้น ต้องจับตาดูกันว่าจะกำหนดทิศทางและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไร แต่สิ่งที่แน่นอนคือเชื่อว่าครึ่งแรกปีหน้าเศรษฐกิจโดยไม่ฟื้นตัว และคงต้องลุ้นครึ่งปีหลังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นมาได้มากน้อยแค่ไหน
'ถือเป็นปีที่เราต้องบริหารงานแบบลำบาก ซึ่งผู้ประกอบการรายไหนก็คงเช่นกัน เพราะประเมินเหตุการณ์ได้ยาก ดังนั้นการประมาณการรายได้ของเรายังไม่สรุปออกมา เพราะไม่รู้จะกำหนดทิศทางไปแบบใด และผู้บริหารเหมือนขอ เวลาตั้งตัวก่อน เพราะไม่คิดว่าเหตุการณ์ จะลุกลามบานปลายหลายเรื่องผสมปนเป ซึ่งต้องมองระยะสั้น' นายพัชวัฎกล่าว
เล็งซื้อหุ้นคืนหลังราคาตก
นายพัชวัฎกล่าวว่า บริษัทเริ่มหันมา ให้ความสำคัญต่อการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารการเงิน หลังจากที่ตลาดหลัก- ทรัพย์แห่งประเทศไทยมีนโยบายสนับสนุนบริษัทจดทะเบียน โดย SAM มีแผนซื้อหุ้นคืนแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้า บริษัทไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องนี้นัก เนื่องจากขณะนี้ราคาหุ้นต่ำกว่าราคาปัจจัยพื้นฐานมาก ซึ่งบริษัทเตรียมเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเดือนเมษายน ปี 52 ขณะการจ่ายเงินปันผลงวดสิ้นปี 51 นั้น เป็นไปได้ยาก หากบริษัทมีผลขาดทุนจาก การดำเนินงานและแนวโน้มจะเป็นตามนั้น แม้ว่าบริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ไปแล้วหุ้นละ 9 สตางค์ก็ตาม
ปัจจุบัน ราคาหุ้น SAM เทรดกันระดับราคาหุ้นละ ต่ำกว่า 1 บาท จากก่อน หน้านี้เทรดกันเหนือราคา 2 บาท ซึ่งขณะนั้นยังถือว่าต่ำกว่าราคาปัจจัยพื้นฐาน และขณะนี้กลับมาเทรดต่ำกว่าราคาพาร์แล้ว ซึ่งเป็นไปทั้งตลาดที่ราคาหุ้นปรับลด ต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|