ยาสูบปรับธุรกิจ ดันโรงพยาบาล รักษาเฉพาะด้าน


ผู้จัดการรายวัน(5 มกราคม 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

โรงงานยาสูบเบนเข็มทำธุรกิจเสริมหวังหารายได้ทดแทนการจำหน่ายบุหรี่ที่มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง เตรียมดันธุรกิจโรงพยาบาลบริหารเชิงพาณิชย์เทียบชั้นเอกชนสร้างความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเป็นจุดขาย พร้อมนำพื้นที่ทำเลดีทำร้านอาหาร - ให้เอกชนเช่าทำประโยชน์ต่อไป

นายประจวบ ตันตินนท์ ผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ(รยส.) กระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจของโรงงานยาสูบในอนาคตว่า จะหันไปทำธุรกิจอื่นเพื่อทดแทนธุรกิจยาสูบที่มีแนวโน้มลดลงมาโดยตลอด เพื่อเลี้ยงองค์กรให้สามารถอยู่รอดต่อไป โดยเฉพาะธุรกิจโรงพยาบาลที่มองว่าน่าจะพัฒนาหารายได้เชิงพาณิชย์มากขึ้น โดยจะเน้นปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพของโรงพยาบาลให้เป็นเลิศในด้านใดด้านหนึ่ง

“โรงพยายาลยาสูบจะมีจุดเด่นคือเป็นโรงพยาบาลที่อยู่กลางสวนสาธารณะซึ่งน่าจะเป็นธุรกิจที่มีอนาคตสดใส เพราะหลังจากย้ายโรงงานยาสูบออกไปยังต่างจังหวัดในรัศมีไม่เกิน 200 กม. จากกรุงเทพฯ แล้ว จะปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ต่อไป ซึ่งขณะนี้ก็มีโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งเริ่มให้ความสนใจจึงมีความเป็นไปได้ที่จะหาพันธมิตรทางธุรกิจต่อไป”นายประจวบ กล่าวและว่าเบื้องต้นมีแนวคิดที่จะสร้างจุดเด่นคล้ายกับที่เอกชนบริหารงาน เช่น รพ.บำรุงราษฏร์ รพ.กรุงเทพ ที่เก่งเฉพาะด้านจนเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมทั้งจากคนไทยและต่างชาติ ส่วนโรงพยาบาลของยาสูบจะเน้นให้มีความเชี่ยวชาญด้านใดนั้นคงต้องรอให้คณะกรรมการพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เช่นอาจเป็นด้านหัวใจหรือสมองเป็นต้น

อย่างไรก็ตามรยส.จะต้องนำแผนการดำเนินธุรกิจอื่นเพื่อทดแทนธุรกิจยาสูบให้คณะกรรมการพิจารณากำหนดทิศทางก่อน ซึ่งนอกจากธุรกิจโรงพยาบาลแล้วยังมีแนวคิดจะนำที่ดินที่มีอยู่ประมาณ 10 แปลง เช่น แถวเจริญกรุง ซึ่งส่วนใหญ่ป็นพื้นที่ทำเลดีมาบริหารเชิงพาณิชย์ด้วยแต่อยู่ระหว่างพิจารณาความเหมาะสม เช่นอาจเปิดให้เอกชนเช่าหรือทำเป็นร้านอาหารเป็นต้น

“จากสถิติ10ปีที่ผ่านมาพบว่าการสูบบุหรี่ลดลงเกือบครึ่งจากการรณรงค์และไม่สนับสนุนให้สูบบุหรี่ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ทำให้มองว่าในอนาคต10ปีข้างหน้ายอดขายหรือกำไรของยาสูบก็จะต้องลดลงเรื่อยๆ จึงต้องหันไปหารายได้จากทางอื่นทดแทน โดยตั้งเป้าหมายว่าจะมีรายได้จากทางอื่นเข้ามาประมาณ 2 พันล้านบาทจากรายได้รวมในปัจจุบัน” นายประจวบ กล่าวและว่าการทำงานของโรงพยาบาลของยาสูบช่วงที่ผ่านมาถือเป็นธุรกิจเสริมที่ยังไม่ได้ทำอย่างเต็มประสิทธิภาพและไม่ได้คำนึงถึงผลตอบแทนมากนัก โดยจะเน้นรักษาเฉพาะพนักงานของรยส.เองเท่านั้น

ส่วนแผนงานเร่งด่วนในปี 52 คือการเร่งผลักดันการก่อสร้างโรงงานยาสูบแห่งใหม่ ซึ่งน่าจะกำหนดร่างทีโออาร์และเปิดให้ยื่นซองประมูลได้ภายในต้นเดือนม.ค.นี้และน่าจะเริ่มเห็นการก่อสร้างได้ภายในปีนี้ ซึ่งถือเป็นการดำเนินตามนโยบายของกระทรวงการคลังที่ต้องการให้รัฐวิสาหกิจเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนออกไปให้เร็วที่สุด โดยกำหนดก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี ซึ่งคงเป็นผลงานที่ชัดเจนที่สุดในช่วงที่ตนดำรงตำแหน่งดังกล่าว

ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะไม่ต้องปรับโครงสร้างภายในด้วยการลดคนงาน หรือปรับคนออกแต่อย่างใด เพราะในระยะ 10 ปี ต่อจากนี้ พนักงาน รยส.ที่ปฏิบัติงานด้านยาสูบนั้นจะเกษียณอายุออกไปถึง 50% ของพนักงานทั้งหมด ดังนั้นการรับพนักงานใหม่ที่จะเข้ามาทดแทนนั้น จะเน้นไปทางด้านที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจอื่นๆ ที่ รยส.จะมุ่งไปแทน


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.