|
“พาณิชย์”เฮงน้ำมันลงกดเงินเฟ้อปีหนู5.5% ปีวัวคาดโตแค่0-1.2%แต่ไม่ถึงขั้นเงินฝืด
ผู้จัดการรายวัน(6 มกราคม 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
“พาณิชย์”โชคช่วยเงินเฟ้อปีหนูเพิ่มแค่ 5.5% หลังเคยมีการประเมินทั้งปีอาจสูงเป็นตัวเลขสองหลัก จากพิษน้ำมัน แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตรเมื่อทั่วโลกเจอวิกฤตเศรษฐกิจ น้ำมันดิ่งลง “ศิริพล”ชี้น้ำมันที่ลดลงช่วยได้มาก แถมยังคุมราคาสินค้าได้ดี ทำให้เงินเฟ้อโตตามเป้า ส่วนปีวัวคาดโตต่ำ 0-1.2% เหตุแรงกดดันเงินเฟ้อไม่มี หากน้ำมันต่ำต่อเนื่อง เงินเฟ้ออาจติดลบ 0.5% ก็ได้ แต่ไม่ถึงขั้นเงินฝืด
นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (เงินเฟ้อ) ในเดือนธ.ค.2551 เมื่อเทียบกับเดือนพ.ย.2551 ลดลง 1.6% เป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 เมื่อเทียบกับเดือนธ.ค.2550 สูงขึ้น 0.4% เป็นการสูงขึ้นในอัตราที่ต่ำมากในรอบ 6 ปี 4 เดือนนับจากเดือนส.ค.2545 ที่สูงขึ้น 0.3% และเมื่อเทียบเฉลี่ยทั้งปี 2551 (ม.ค.-ธ.ค.) กับปีที่ผ่านมา สูงขึ้น 5.5%
“เคยคาดการณ์ไว้ช่วงเดือนก.ค.-ส.ค.2551 ที่ขณะนั้นบางคนบอกตัวเลขเงินเฟ้อทั้งปีจะเป็นเลขสองหลัก กระทรวงพาณิชย์ก็บอกไม่ถึง มาขณะนี้ตัวเลขทั้งปีชัดเจน 5.5% เป็นตัวเลขหลักเดียว”นายศิริพลกล่าว
ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์เคยคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อทั้งปี โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะขยายตัว 5-5.5% แต่เมื่อช่วงกลางปี ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น จนทำให้เงินเฟ้อในเดือนก.ค.สูงขึ้นถึง 9.2% และมีหลายสำนักได้ออกมาประเมินว่าตัวเลขทั้งปีจะขยับสูงขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลัก แต่กระทรวงพาณิชย์ก็ยังยืนยันเป้าหมายเดิม แต่ก็มีการคาดการณ์ภายใต้สถานการณ์น้ำมันขณะนั้น โดยตัวเลขทั้งปีจะสูงขึ้นไปอยู่ที่ 6.9% เมื่อน้ำมันลดลงต่อเนื่อง จนล่าสุดเดือนพ.ย. กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ตัวเลขทั้งปีใหม่อยู่ที่ 5.6-5.9%
นายศิริพลกล่าวว่า เงินเฟ้อปี 2551 ที่สูงขึ้น 5.5% เป็นอัตราที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยปี 2550 สูงขึ้น 2.3% แต่ก็อยู่ในเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้ โดยเงินเฟ้อในปี 2551 มีทั้งเพิ่มขึ้นและปรับตัวลดลง โดยในช่วงครึ่งปีแรกเป็นช่วงที่ราคาขายปลีกน้ำมันภายในประเทศมีราคาสูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีการปรับขึ้นค่าโดยสารสาธารณะและต้นทุนของสินค้าและบริการต่างๆ ทำให้เงินเฟ้อช่วงครึ่งปีแรกสูงขึ้น
แต่พอมาครึ่งปีหลัง เริ่มมีปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลง ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศก็ลดลงตาม ขณะที่รัฐบาลได้มี 6 มาตรการ 6 เดือนออกมา เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ตั้งแต่เดือนส.ค. และกระทรวงพาณิชย์ได้หารือกับผู้ประกอบการให้ปรับลดราคาสินค้าให้สอดคล้องกับต้นทุนน้ำมัน ทำให้แรงกดดันต่อเงินเฟ้อปรับตัวลดลง จนทำให้เงินเฟ้อในแต่ละเดือนลดลงมาจนถึงปลายปี
นายศิริพลกล่าวว่า สำหรับเงินเฟ้อในปี 2552 กระทรวงพาณิชย์ได้คาดการณ์บนสมมตฐานราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 50-60 เหรียญสหรัฐ และอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 35-36 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ทำให้เงินเฟ้อทั้งปีคาดว่าจะอยู่ที่ 0-1.2% แต่ถ้ารัฐบาลยกเลิก 6 มาตรการ 6 เดือน เงินเฟ้อก็อาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เพราะแรงกดดันจากราคาน้ำมันมีไม่มาก ขณะเดียวกัน หากราคาน้ำมันปรับตัวลดลงมากกว่านี้ ก็จะส่งผลให้เงินในกระเป๋าของประชาชนมีมากขึ้น และเงินเฟ้อทั้งปีอาจจะ -0.5% ก็ได้
“ที่กระทรวงพาณิชย์มองเงินเฟ้อปีนี้ต่ำที่ 0-1.2% นั้น เพราะแรงกดดันจากราคาน้ำมันไม่มีเหมือนปีที่ผ่านมา ทำให้คนมีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้น เพราะไม่ต้องจ่ายเงินซื้อน้ำมันมากขึ้น แต่จะถึงขั้นเงินฝืดหรือไม่นั้น คงไม่เกิด เพราะการเกิดเงินฝืด ไม่ใช่อยู่ที่เงินเฟ้อต่ำเพียงอย่างเดียว ต้องมองปัจจัยอื่นประกอบด้วยว่าแรงงานว่างงานมีเยอะหรือไม่ เศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างไร แต่เงินเฟ้อที่ต่ำขณะนี้ เป็นการสะท้อนว่าราคาสินค้าไม่เพิ่มขึ้น คนก็ยังใช้สอย เพราะมีเงินมากขึ้นจากการที่ไม่ต้องจ่ายเงินซื้อน้ำมันที่แพง”นายศิริพลกล่าว
สำหรับเงินเฟ้อพื้นฐานของประเทศในเดือนธ.ค.2551 ที่หักรายการน้ำมันและสินค้ากลุ่มอาหารสดออก เมื่อเทียบกับเดือนพ.ย.2551 ลดลง 0.1% เทียบกับเดือนธ.ค.2550 สูงขึ้น 1.8% และเมื่อเทียบเฉลี่ยทั้งปี 2551 กับปีก่อน สูงขึ้น 2.4%
นายศิริพลกล่าวว่า การคำนวณเงินเฟ้อในปี 2552 นี้ กระทรวงพาณิชย์จะทำการปรับเพิ่มรายการสินค้าและบริการที่นำมาใช้ในการคำนวณให้มากขึ้น เพื่อให้สะท้อนอัตราเงินเฟ้อที่ชัดเจนขึ้น โดยจะเพิ่มรายการสินค้าและบริการที่ทำการสำรวจจาก 374 รายการ เป็น 418 รายการ เช่น เพิ่มรายการแมมโมรี่ สติ๊ก ค่าบริการรถไฟลอยฟ้า และรถไฟใต้ดิน เป็นต้น
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|