วรินทร์ ตันติพงศ์พาณิช ไม่ได้ฝันทำงานในบริษัทญี่ปุ่น

โดย นภาพร ไชยขันแก้ว
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( มกราคม 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

วรินทร์ใช้เวลา 1 ปีผลักดันให้กล้องแคนนอนมียอดขายพุ่งถึง 30% จากเดิมที่มียอดขายเพียง 9% เขากล้าที่จะฝันว่าแคนนอนจะแซงโซนี่ได้ในอีกไม่นาน

วรินทร์ ตันติพงศ์พาณิช เลือกเรียนสาขาการตลาดตามที่เขาชอบและจบการศึกษาจากรั้วมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค)

หลังจากนั้นเขาทำงานด้านการตลาดให้กับบริษัทในเครือกลุ่มผลิตเหล็ก ในเครือศรีกรุง แต่ทำได้ไม่นานเพราะธุรกิจจะเน้นงานด้านการขายเป็นส่วนมาก ทำให้เขาตัดสินใจลาออก เพราะคิดว่าอยู่ไปก็ไม่มีงานทำ เขาเริ่มต้นงานใหม่อีกครั้งที่บริษัทจาร์ดีนแปซิฟิค (ไทยแลนด์) จำกัด มีหน้าที่รับผิดชอบทางด้านงานขาย ติดต่อธุรกิจ การนำเข้าและส่งออกสินค้า เขาบอกว่าชอบที่นี่ เพราะทำให้เขาได้ใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อกับลูกค้าที่หลากหลายและได้เรียนรู้มากมาย

ทำได้ 2 ปี เขาเห็นบริษัทแคนนอนฯ ประกาศรับสมัครงาน หลังจากก่อตั้งบริษัทได้ 1 ปี ในตอนแรก เขาไม่มีความคิดที่จะสมัครงานในบริษัทญี่ปุ่น เพราะได้ยิน ได้ฟังมาว่าทำงานให้กับบริษัทญี่ปุ่นจะถูกใช้งานอย่างคุ้มค่า

แต่เขาตัดสินใจสมัครและร่วมทำงานกับบริษัทแคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด ตั้งแต่ปี 2538 ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่การตลาด ฝ่ายเครื่องโทรสาร และเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย ก้าวเป็นผู้อำนวยการตามลำดับ

ล่าสุดเมื่อปี 2549 เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการอาวุโส และผู้จัดการทั่วไป ส่วนคอนซูเมอร์ อิมเมจจิ้ง แอนด์ อินฟอร์เมชั่น ที่มีหน้าที่ดูแลทั้งเครื่องปรินเตอร์ และกล้องดิจิตอล

เส้นทางการทำงานในแคนนอนของวรินทร์จะเปลี่ยนทุกๆ 2 ปี ปัจจุบันเขาร่วมงานมาเป็นระยะเวลา 14 ปี เขามีประสบการณ์ดูแลสินค้าทุกแผนกของแคนนอน เริ่มตั้งแต่เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องแฟกซ์ โปรเจ็กเตอร์ เครื่องอิงค์เจ็ต ปรินเตอร์ และกล้องดิจิตอล

ธุรกิจหลัก ปรินเตอร์และกล้องดิจิตอล ที่วรินทร์ดูแลในแต่ละปีสร้างรายได้ให้กับบริษัทแคนนอนปีละ 5 พันล้านบาท โดยเฉพาะตลาดปรินเตอร์ที่สร้างรายได้ครึ่งหนึ่งให้กับกลุ่มธุรกิจของแคนนอน

แม้ว่าปัจจุบันตลาดปรินเตอร์จะขยายลดน้อยลงเหลือ 35-36% แต่เป็นเพราะว่าฐานเดิมที่มีขนาดใหญ่อยู่แล้ว

ส่วนกล้องแคนนอนเริ่มสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น 45-47% ในช่วง 2-3 ปี หลังจากที่วรินทร์เข้ามาเปลี่ยนวิธีการทำงาน ทีมขายและทีมการตลาด

เขาสร้างทีมงานขายและทีมตลาดให้ทำงานร่วมกัน รับรู้ข้อมูลข่าวสาร หรือจัดอบรมทำให้ทีมงานสามารถทำงานร่วมกันโดยไม่แบ่งแยก

วรินทร์บอกว่า สิ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จในการผลักดันธุรกิจทั้งในส่วนของปรินเตอร์และกล้องดิจิตอลไม่ได้เกิดจากเขาเพียงคนเดียวแต่เกิดจากทีมงาน

หากมองในมุมชีวิตส่วนตัวของเขาเอง เขามองว่าตัวเขายังไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต แม้ว่าจะพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ก็ตาม เพราะเขาคิดว่าสามารถทำได้ดีกว่านี้และพรุ่งนี้ก็ต้องดีกว่า

ชีวิตการทำงานของวรินทร์ไม่ได้เปลี่ยนไปมากตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันก็ตาม เขายังต้องรับผิดชอบในส่วนของงานขายและการตลาด

แต่การปรับเปลี่ยนตำแหน่งที่สูงขึ้น พร้อมกับหน้าที่รับผิดชอบทุกๆ 2 ปีจึงทำให้เขายังรู้สึกสนุกและได้ปรับตัวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มาโดยตลอด

ทัศนคติของวรินทร์ที่มีต่อการทำงานและมีความกระตือรือร้นอยู่ตลอด อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทีมงานของเขามองว่า เป็นเรื่องที่ท้าทายที่จะผลักดันแคนนอนให้ได้รับชัยชนะ โดยมีวรินทร์เป็นผู้ร่วมผลักดัน


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.