Mekhong stream


นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( มกราคม 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

จีน
ขบวนรถไฟด่วนพิเศษ ซึ่งวิ่งระหว่างนครหนานหนิง เมืองเอกมณฑลกว่างสี ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนกับกรุงฮานอยทางตอนเหนือของเวียดนาม เริ่มเปิดให้บริการเป็นเที่ยวปฐมฤกษ์ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2552 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นการเพิ่มช่องทางเชื่อมต่อการคมนาคมระหว่างจีนกลับกลุ่มประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงมีความหลากหลายมากขึ้น ขบวนรถไฟเส้นนี้เป็นการสอดรับแผนของมณฑลกว่างสี ซึ่งได้เตรียมการลงทุนสร้างและปรับปรุงถนนหนทาง ตลอดจนระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานต่างๆ ครั้งใหญ่ ด้วยเงินทุนกว่า 80,000 ล้านดอลลาร์ เพื่ออำนวยความสะดวกการขนส่ง การค้าและการท่องเที่ยว เชื่อมกับเวียดนาม ภายใต้กรอบความร่วมมือ GMS (Greater Mekong Sub-Region) จีนและเวียดนามได้ตกลงจัดเก็บค่าโดยสารสำหรับรถขบวนนี้เที่ยวละ 38 ดอลลาร์ต่อคน และคาดว่าค่าโดยสารจะลดลงอีกในอนาคต เพื่อช่วยส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวระหว่าง 2 ประเทศ มณฑลกว่างสีมีพื้นที่ 237,600 ตร.กม. มีระบบถนนรวมระยะทาง 94,200 กม. มีประชากรกว่า 50 ล้านคน มีการขนส่งสินค้าน้ำหนัก 113 ล้านตันต่อปี


พม่า
รัฐบาลเกาหลีใต้เริ่มส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปในพม่าตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อเริ่มการวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพ ตามโครงการผลิตพืชอาหาร โดยมีการเซ็นข้อตกลงระหว่างกรมวิจัยการเกษตร กระทรวงเกษตรและชลประทาน ของพม่า กับสถาบันแห่งชาติเพื่อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตรเกาหลี (National Institute of Agricultural Science and Technology : NIAST) เมื่อเดือนกันยายน ในข้อตกลงนี้ ทั้ง 2 ฝ่าย จะใช้เวลา 5 ปี ในการหาทาง "อนุรักษ์พันธุกรรมและใช้ทรัพยากรเพื่อการพัฒนาชีวะพันธุกรรม" ปัจจุบัน พม่าได้เตรียมเมล็ดพันธุ์เอาไว้ราว 10,000 ชนิดใน "ธนาคารเมล็ดพันธุ์" ที่จะทยอยนำไปปลูกในแปลงทดลองเพื่อวิจัยความเหมาะสมและความทนทานต่อสภาพภูมิอากาศและความสามารถในการต้านทานแมลงศัตรูพืช นอกจากนี้ 2 ประเทศจะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร พันธุ์พืช การสำรวจ การอนุรักษ์ การประเมินคุณค่าด้านพันธุกรรมของพืช การถ่ายทอดเทคโนโลยี ตลอดจนเครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ในการวิจัย การแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญของ 2 ฝ่าย โดย NIAST จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในโครงการความร่วมมือต่างๆ ทั้งหมด


ลาว
รัฐบาลลาวได้โยกย้ายสุลิวง ดาลาวง จากรัฐมนตรีกระทรวงแผนการและการลงทุน มาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ แทนบ่อใสคำ วงดาลา รัฐมนตรีคนเก่า ที่ถึงแก่กรรมเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาด้วยอาการหัวใจล้มเหลว สุลิวง ซึ่งได้รับดุษฎีบัณฑิตจากฝรั่งเศส เคยเป็นรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและหัตถกรรม เป็นเวลาหลายปี ก่อนจะเป็นรัฐมนตรีกระทรวงแผนการฯ และยังเคยเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการค้ามาก่อน จนกระทั่งมีการยุบรวม 2 กระทรวงเข้าด้วยกัน ปัจจุบันลาวกำลังมีการก่อสร้างเขื่อนนับ 10 แห่ง และคาดว่าจะมีการก่อสร้างอีกหลายโครงการในปีหน้า รวมทั้งเขื่อนกั้นลำน้ำโขงแห่งแรกด้วย นอกจากนี้ รัฐบาลลาวได้แต่งตั้งสิละวง คุดไพทูน เจ้าครองนครหลวงเวียงจันทน์ เป็นรัฐมนตรีกระทรวงแผนการและการลงทุนแทนสุลิวง และแต่งตั้งสมบัด เยียลีเฮอ เลขาธิการพรรคสาขานครเวียงจันทน์ขึ้นเป็นเจ้าครองนครหลวงเวียงจันทน์ อีกตำแหน่งหนึ่ง


กัมพูชา
ทางการกัมพูชาได้ประกาศลดเป้าการขยายตัว GDP ในปี 2552 ลงเหลือเพียง 5% จากเป้าเดิม 9% โดย Keat Chhon รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง ยอมรับว่าอุตสาหกรรมที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักกำลังมีปัญหา โดยเฉพาะภาคการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ การปรับเป้าเศรษฐกิจของกัมพูชามีขึ้นหลังจากธนาคารโลกได้คาดการณ์สภาวะเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียในระยะ 6 เดือนข้างหน้า ซึ่งกัมพูชามีโอกาสขยายตัวไม่ถึง 5% Cheam Yeap ประธานคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การเงิน การธนาคาร สภาผู้แทนราษฎร กล่าวโทษการตกต่ำของอุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าส่งออกเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด ทำให้ต้องปรับลดการเติบโตของเศรษฐกิจ และตั้งความหวังว่าภาคการเกษตรที่ยังเข้มแข็งกับการท่องเที่ยวที่อาจจะฟื้นคืนเป็นปกติ จะช่วยเยียวยาปัญหาได้ คาดว่าอุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าส่งออกของกัมพูชา ซึ่งมีการจ้างแรงงานท้องถิ่น 300,000-350,000 คน จะมีคนงาน 20,000-30,000 คนถูกเลิกจ้าง หลังจากนายจ้างได้ทยอยปิดโรงงาน เพราะยอดออเดอร์จากต่างประเทศลดต่ำลง


เวียดนาม
เมื่อเดือนธันวาคม Hoang Trung Hai รองนายกรัฐมนตรีเวียดนาม ซึ่งกำกับดูแลการก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันแห่งแรกของเวียดนาม ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ Dung Quat จังหวัด Quang Nghai ได้กำชับให้ผู้รับเหมาก่อสร้างโรงกลั่นให้เสร็จตามกำหนด เพื่อให้เปิดเดินเครื่องได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 โรงกลั่นแห่งนี้ ซึ่งมีมูลค่า 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือหุ้น 100% โดยรัฐบาล ผ่านทางบริษัทปิโตรเวียดนาม มีกำลังการผลิตเบื้องต้นปีละ 6.5 ล้านตัน และมีแผนการเพิ่มการผลิตขึ้นเป็น 10 ล้านตันในอนาคต ปัจจุบันเวียดนามเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบขนาดใหญ่อันดับ 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซียและมาเลเซีย มีกำลังผลิต 350,000 บาร์เรลต่อวัน แต่การที่ไม่มีโรงกลั่นในประเทศทำให้ต้องนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปกับผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมทุกชนิดถึง 100% มีผลทำให้เวียดนามขาดดุลการค้าสูงมาก หลังเปิดเดินเครื่องคาดว่าผลิตภัณฑ์จากโรงกลั่นแห่งนี้ สามารถสนองความต้องการใช้น้ำมันในประเทศได้ประมาณ 40% โดยปัจจุบันเวียดนามมีประชากร 86.5 ล้านคน มีรถจักรยานยนต์ 20 ล้านคัน และคาดว่าความต้องการใช้น้ำมันจะเพิ่มขึ้นปีละ 13-15%


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.