|
ปีแห่งการระมัดระวัง
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( มกราคม 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
แม้ว่าธนาคารเอชเอสบีซี สัญชาติอังกฤษ จะยืนยันว่าไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาซัพไพร์ม แต่เอชเอสบีซีก็เพลี่ยงพล้ำเข้าไปลงทุนในเฮดจ์ฟันด์ "เบอร์นาร์ด แอล แมดอฟฟ์ อินเวสเมนท์ ซีเคียวริตี้ส์" ที่ฉ้อฉลในลักษณะแชร์ลูกโซ่
มูลค่าความเสียหายเกิดขึ้นโดยรวมถึง 50,000 ล้านดอลลาร์ สหรัฐและรายงานจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ ระบุว่า เอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ ได้เข้าไปลงทุนเช่นเดียวกันและคาดกันว่าจะมีความเสียหายสูงถึง 1,000 ล้านดอลลาร์
ก่อนที่จะมีข่าวเกี่ยวกับเรื่องธนาคารเอชเอสบีซีจ่ายเงินปันผลเมื่อไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมาให้กับผู้ถือหุ้นมูลค่า 0.18 เหรียญดอลลาร์ต่อหุ้น
ธนาคารยืนยันความแข็งแกร่งทางด้านการเงินที่ผ่านมาว่าเป็นธนาคารที่ไม่จำเป็นต้องรับความช่วยเหลือด้านเงินทุนจากรัฐบาลหรือผู้ถือหุ้นและยังใช้โอกาสเข้าไปซื้อกิจการธนาคารอิโคโนมิแห่งอินโดนีเซีย
เหตุผลที่ทำให้ธนาคารเอชเอสบีซียังมีสภาพคล่องทางด้านการเงินเพราะธนาคารสาขาที่อยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง เอเชียแปซิฟิก และยุโรป ยังทำรายได้ให้กับกลุ่มได้อย่างต่อเนื่อง
แต่ธนาคารยอมรับวิกฤติการเงินที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาได้ส่งผลกระทบต่อธนาคารเช่นเดียวกันโดยเฉพาะในอังกฤษและฮ่องกงราคาหุ้นตกลงไปถึง 20% แต่ธนาคารพยายามเปรียบเทียบ กับสถาบันการเงินอื่นๆ ราคาหุ้นตกมากกว่าธนาคารเอชเอสบีซี
ในภาพรวมของวิกฤติการเงินที่เกิดขึ้น มร.วิลลี แทม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารเอชเอสบีซีประจำประเทศไทยบอกว่าสหรัฐอเมริกาจะต้องใช้เวลาในการปรับโครงสร้างถึง 2 ปีในการแก้ปัญหาธุรกิจทางด้านการเงิน
ในส่วนของประเทศไทยธนาคารได้เพิ่มทุนเป็น 2,450 ล้านบาทเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งเงินจำนวนนี้จะนำไปขยายธุรกิจ อาทิ สินเชื่อธุรกิจ พาณิชย์ธนกิจและบุคคลธนกิจรวมไปถึงการควบรวมกิจการเมื่อมีโอกาส
ซึ่งนโยบายในการทำธุรกิจของธนาคารในเมืองไทยยังเป็นนโยบายเดิม ที่ไม่ได้ผิดแผกไปจากเดิมแม้แต่น้อย
ธนาคารยืนยันเน้นลูกค้ารายใหญ่ ที่อยู่ในตลาดเงินและตลาดทุน ทำให้ มร.แทมบอกว่าเป็นเรื่องที่โชคดีของธนาคารที่กลยุทธ์ไม่เปลี่ยนและเดินตามแผนธุรกิจแม่มาโดยตลอด
รายได้ของธนาคารในประเทศไทยมา 3 ส่วนธุรกิจหลัก อาทิ รับฝากหลักทรัพย์ 15% ธุรกิจตลาดเงิน ตลาดทุน 40% และธุรกิจบริการลูกค้าองค์กรและลูกค้าส่วนบุคคล 45%
มร.แทมมองว่า ในปี 2552 เป็นช่วงเวลาที่ต้องระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ เพราะภาพรวมจีดีพีของไทยเชื่อว่าจะลดลง 0-2% เนื่องจากธุรกิจส่งออกได้รับผลกระทบจากตลาดจีน ยุโรป สหรัฐอเมริกามีความต้องการสินค้าลดลง
มร.แทมแนะนำผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจในปีนี้ไม่ควรลงทุนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ควรยืมเงินมาขยายธุรกิจ บริหาร จัดการต้นทุนให้เหมาะสมและรอให้ผ่านพ้นไปจนถึงปี 2553
สิ่งที่ลูกค้าปรารถนาจากธนาคารในปีหน้าคือการประกันความเสี่ยง การจัดการสภาพคล่องและการจัดการเงินสด
มร.แทมมองว่า วิกฤติที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศคาดว่าจะดีขึ้นแต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก จึงทำให้ ทำงานค่อนข้างใกล้ชิดกับพนักงานของเขา เพื่อติดตามสถานการณ์ ที่เกิดขึ้น
แม้ว่า มร.แทมจะเข้ามาทำงานในเอชเอสบีซีเป็นระยะเวลา 1 ปีแต่ผลงานยังไม่เห็นเด่นชัดมากนักเพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ในเมืองไทยตลอดปี 2551 ที่ผ่านมามีทั้งวิกฤติเศรษฐกิจและวิกฤติการเมืองควบคู่กันไป
แต่ปี 2552 กูรูด้านเศรษฐกิจทั้งไทยและต่างประเทศก็คาดเดากันว่าปีนี้จะรุนแรงและสาหัสมากกว่า แม้ มร.แทมจะยืนยันว่าเขามีทีมงานที่แข็งแกร่ง ก็ต้องรอดูต่อไปว่าทีมงานของเขาจะช่วยได้มากแค่ไหนจากนี้ไปอีก 1 ปี
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|