|
กบข.รับสภาพทั้งปียิลด์ลบ7% กระอักพิษหุ้นทั่วโลกดิ่งเหว
ผู้จัดการรายวัน(18 ธันวาคม 2551)
กลับสู่หน้าหลัก
กบข. รับสภาพผลตอบแทนทั้งปีเป็นลบ หลังหุ้นทั้วโลกรวมถึงไทยผันผวนหนัก ฉุดเงินลงทุนสูญ ประเมินผลตอบแทนทั้งปีนี้ ได้เห็นติดลบ 6-7% เดินหน้าปรับกลยุทธ์การลงทุนปีหน้า เน้นกระจายความเสี่ยง ลงทุนพันธบัตรระยะสั้นและ Private Equity พร้อมรอลุ้นราคาหุ้นดีดตัวก่อนภาวะเศรษฐกิจโลกจะฟื้น ช่วยพลิกผลตอบแทนเป็นบวก
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยถึงผลตอบแทนตลอดปี 2551นี้ อาจติดลบที่ร้อยละ 6-7 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการติดลบจากการลงทุนในตลาดหุ้นที่มีการปรับลดมูลค่าลงมาก จากวิกฤติเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาและเศรษฐกิจโลกตกต่ำ โดยวิกฤติดังกล่าวได้ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยลดลงจากต้นปีถึงร้อยละ 50-55 ขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศลดลงเฉลี่ยประมาณร้อยละ 30-35 ทั้งนี้ผลตอบแทนการลงทุนของ กบข. ย้อนหลัง 12 เดือน ( ตุลาคม 2550 – กันยายน 2551) ติดลบร้อยละ 4.45
อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าเชื่อว่าอัตราผลตอบแทนของ กบข. จะพลิกกลายเป็นบวกได้ จากราคาหุ้นที่ดีดตัวก่อนภาวะเศรษฐกิจโลกจะฟื้น ขณะเดียวกันมองว่าเศรษฐกิจไทยไม่ได้ย่ำแย่เมื่อเทียบกับวิกฤติเศรษฐกิจในช่วงปี 2540 โดยคาดว่าอัตราการเติบโตของประเทศปีหน้าจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 1.0-2.0
ทั้งนี้ กบข.กำลังอยู่ระหว่างการทบทวนสัดส่วนการลงทุนใหม่ ซึ่งจะมีความสอดคล้องกับโครงสร้างตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป และเน้นการกระจายความเสี่ยงมากขึ้นผ่านการลงทุนในพันธบัตรระยะสั้น และการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกต่างๆ เช่น กองทุน Private Equity ที่ลงทุนในหุ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ และการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในส่วนที่เป็นอาคารเช่าและอพาร์ทเมนท์ที่มีการทำสัญญาระยะยาว โดยเฉพาะอาคารสำนักงานที่เป็นพื้นที่ให้เช่าซึ่งให้ผลตอบแทนอยู่ที่ร้อยละ 6-8 มาโดยตลอด
นายวิสิฐกล่าวเพิ่มเติมว่า โดยปกติกองทุนเงินออมระยะยาวนั้น สมาชิกควรดูผลตอบแทนเป็นแบบพิจารณาย้อนหลัง 3 ปี 5 ปี ซึ่งไม่ควรดูเป็นรายปี เพราะต้องยอมรับว่าในปีนี้เป็นปีที่ไม่ปกติ ขณะที่ในช่วงที่ผ่านมา สมาชิก กบข. ได้รับผลตอบแทนสะสม โดยหากเป็นสมาชิก กบข. ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งกองทุนช่วงปี 2540-2550 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ร้อยละ 8.24 ขณะที่ผลตอบแทนสุทธิย้อนหลัง 3 ปี ( ปี2548-2550 ) อยู่ที่ร้อยละ 6.47 และย้อนหลัง 5 ปี ( ปี 2546-2550 ) อยู่ที่ร้อยละ 6.61
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ กบข. ระบุว่า ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นกับตลาดเงินโลกจากวิกฤติสินเชื่อด้อยคุณภาพเมื่อปลายปี 2550 ทำให้กลยุทธ์การลงทุนและการบริหารความเสี่ยงของ กบข. ท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัวในปีหน้า จำเป็นต้องระมัดระวังการลงทุนในต่างประเทศ และทบทวนกลยุทธ์การลงทุนอย่างสม่ำเสมอ โดยยึดแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงเป็นหลัก โดยในช่วงวิกฤตินี้จะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องการดูแลความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Risk) การหลีกเลี่ยงสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง และให้ความสำคัญกับการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนคงที่เป็นหลัก
"ในปีหน้าการบริหารความเสี่ยงการลงทุน เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะวิกฤติภาคการเงินและเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ความเสี่ยงด้านเครดิตทั้งของตัวบริษัทที่เราจะเข้าไปลงทุน และเครดิตของผู้ออกตราสารหนี้จะมีมากขึ้น ทำให้เราจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์ และติดตามความเสี่ยงด้านเครดิตที่เป็นระบบ มีคู่มือบริหารความเสี่ยงด้านเครดิตที่มีการทบทวนเป็นประจำ” นายวิสิฐกล่าว
ทั้งนี้ กบข. ยังได้ชะลอการนำเงินไปลงทุนเพิ่มเติมในต่างประเทศ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ กบข. จะได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้ขยายเพดานการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้นแล้วก็ตาม เพื่อรับมือกับภาวะการปรับตัวลงแรงของตลาดหุ้นทั่วโลก จากการที่มีเงินทุนไหลออกจากตลาดทุนของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ โดยปัจจุบัน กบข. ได้หันมาลงทุนในตราสารหนี้และถือเงินสดเพิ่มขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุน
นอกจากนี้ ยังมีอีกมิติหนึ่งของการควบคุมความเสี่ยงในการสร้างผลตอบแทนในช่วงที่ราคาสินทรัพย์มีความผันผวนมากกว่าปกติเช่นในปัจจุบัน โดย กบข. ได้เน้นการจัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนคงที่ เช่น การลงทุนในตลาดตราสารหนี้รัฐบาลหรือการลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี เพื่อหวังผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลมากกว่าผลตอบแทนจากการเคลื่อนไหวของราคาการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ นอกเหนือจากตลาดเงินและตลาดทุน ที่สามารถสร้างรายได้อย่างแน่นอนจะกลายเป็นแหล่งการลงทุนทางเลือกที่ดี ได้แก่ การลงทุนในส่วนอสังหาริมทรัพย์ หรือการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภค เป็นต้น
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|