เซ็นทรัลต่อสัญญาลาดพร้าวทุ่ม1.5พันล้านรีโนเวตใหญ่


ผู้จัดการรายวัน(17 ธันวาคม 2551)



กลับสู่หน้าหลัก

เซ็นทรัลกำเงิน 1,500 ล้านบาท รีโนเวตใหม่ สาขาลาดพร้าวให้เป็น แฟลกชิปสโตร์ของแบรนด์เซ็นทรัลพลาซ่า หลังต่อสัญญาสัมปทานกับการรถไฟฯเรียบร้อยแล้ว คาดเริ่มปรับปรุงกลางปีหน้า เปิดนโยบายรุกปี เน้นประหยัดลดต้นทุน ทุ่มงบ 400 ล้านบาทโหมระบบประหยัดพลังงาน กระจายอำนาจลดขั้นตอนบริหาร

นายกอบชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้เตรียมงบประมาณกว่า 1,500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการรีโนเวตเซ็นทรัลพลาซ่าลาดพร้าวครั้งใหญ่ หลังจากที่ได้ต่อสัญญาการใช้ที่ดินอาคารกับทางการรถไฟแห่งประเทศไทยไปเรียบร้อยแล้วเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้คาดว่าจะเริ่มทำการรีโนเวตในช่วงครึ่งปีหลังปีหน้า และจะใช้เวลาประมาณ 12 เดือนจึงแล้วเสร็จ

ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายที่จะรีโนเวตให้ลาดพร้าวเป็นแฟลกชิบสโตร์ของแบรนด์เซ็นทรัลพลาซ่า โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 100,000 ตารางเมตร จะออกแบบให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าในย่านี้ที่เป็นกลุ่ม เอและบี แต่ว่าร้านที่เป็นแบรนด์เนมอาจจะน้อยกว่าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งช่วงที่ปรับปรุงนั้นก็จะเปิดบริการและทยอยปิดบางส่วน

สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯในปีหน้า นายกอบชัยกล่าวว่า จะระมัดระวังเรื่องค่าใช้จ่าย มีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงระบบเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้ว 50% ภายใต้งบประมาณ 400 ล้านบาท และในปีหน้าจะลงทุนระบบประหยัดพลังงานเพิ่มอีก 400 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานประมาณ 20-30%

ส่วนปีหน้าจะพยายามเร่งเปิดสาขาใหม่คือสาขาพัทยา ชลบุรี ขอนแก่น ขณะเดียวกันจะปรับระบบการบริหารให้ทำงานกระชับ ลดขั้นตอน เพิ่มอำนาจในการตัดสินใจเพื่อดำเนินธุรกิจได้อย่างรวดเร็วพร้อม ฝึกอบรมบุคลากรระดับการจัดการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

นายกอบชัย กล่าวถึงภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยด้วยว่า ที่ผ่านมาภาคธุรกิจของไทยมีความแข็งแกร่งเพราะหลังเผชิญวิกฤติต้มยำกุ้ง ส่งผลให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปด้วยความระมัดระวังมากขึ้น ส่วนปัญหาทางการเมืองก็มีมา 2-3 ปีแล้วภาคเอกชนต่างก็พร้อมที่จะรับมือเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

ส่วนมาตรการของภาครัฐที่จะมีส่วนช่วยผลักดันเศรษฐกิจเช่นการผลักดันเมกะโปรเจ็กต์ การลดภาษีให้ภาคธุรกิจซึ่งทำให้ธุรกิจมีกำไรมากขึ้นส่งผลให้มีเงินมาลงทุนใหม่ๆเพิ่มขึ้น ตลอดจนการลดภาษีเงินได้ของประชาชน ซึ่งทำให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูงขึ้นจากการได้รับการลดภาษี ขณะเดียวกันภาครัฐก็ยังสามารถรักษารายได้ด้วยการเก็บภาษีกองทุนน้ำมันเพิ่ม เนื่องจากปัจจุบันราคาน้ำมันถูกลง หากจะมีการเพิ่มราคาอีก 1 บาทเชื่อว่าจะไม่กระทบความรู้สึกมากนัก ในขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังมีโอกาสที่จะลดลง

"การผลักดันจีดีพีของประเทศควรใช้มาตรการในการกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค เนื่องจากการใช้จ่ายดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 50% ของจีดีพีไทย ขณะที่การพึ่งพาตลาดต่างประเทศในภาวการณ์ปัจจุบันอาจเป็นเรื่องยาก" นายกอบชัย กล่าว

นอกจากนี้การลดดอกเบี้ยก็มีส่วนช่วยลดต้นทุนธุรกิจ ซึ่งจะช่วยจูงใจให้ภาคเอกชนอยากลงทุนมากขึ้น แต่ปัญหาอยู่ที่ธนาคารขวัญเสียจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก ทำให้การปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบการรายเล็กเป็นไปได้ยากขึ้น

ในส่วนเซ็นทรัลพัฒนาเอง บริษัทจะเน้นกลยุทธ์ในการทำให้ศูนย์การค้าได้รับความนิยมต่อเนื่อง จับกลุ่มผู้บริโภคระดับบีซึ่งมีกำลังซื้อสูงและไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจมากนัก

อีกทั้งต้องมีกลยุทธ์ที่หลากหลายในการดึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆให้เข้ามาใช้บริการในศูนย์ฯมากขึ้นเนื่องจากคาดว่าในปีหน้าปัญหาเศรษฐกิจจะส่งผลให้ผู้บริโภคใช้จ่ายต่อครั้งลดลง จึงต้องอาศัยปริมาณลูกค้าที่มากขึ้น โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถเพิ่มทราฟฟิกได้ 5% ในปีหน้า ส่วนในปีนี้ทราฟฟิกเพิ่มขึ้น 8% ยกเว้นสาขารัตนาธิเบศร์ เซ็นทรัลเวิลด์ และรามอินทราที่เพิ่มทราฟฟิกได้ถึง 30%


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.