เชียรช่วง กัลยาณมิตร "วันนี้เขาเป็น VENTURE CAPITALIST แล้ว"


นิตยสารผู้จัดการ( ธันวาคม 2532)



กลับสู่หน้าหลัก

เชียรช่วงเป็นคนไทยอีกคนหนึ่งที่เคยมีประสบการณ์อันยาวนานในการศึกษาและทำงานในสหรัฐอเมริกา แล้วหวนกลับมาบ้านเกิดเมืองนอนในฐานะมันสมองคนหนึ่งของธุรกิจเอกชนไทย เขาจบการศึกษาระดับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยพอร์ตแลนด์โอเรกอน ในสาขาวิศวกรรมวางระบบและบริหารงานผลิต ก่อนที่จะเข้าไปทำงานในฐานะวิศวกรรมผู้วางระบบการผลิตในอุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิกส์ย่านซิลิคอนแวลเล่ย์ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ

สมัยอยู่สหรัฐฯ เขาภาคภูมิใจในงานออกแบบ CAD/CAM ให้กับบริษัท OMARK ที่โอเรกอนมาก เพราะถือว่าผลงานนี้เป็นจุดเปลี่ยนฐานะอาชีพให้คนอเมริกันยอมรับในความสามารถของคนไทย ซึ่งมีผลดันให้เขาขึ้นสู่ตำแหน่งสูงขึ้นเป็น PROJECT ENGINEER / TASK MANAGER ในบริษัท GTE SYLVANIA ที่ยิ่งใหญ่ในแคลิฟอร์เนีย

ความเป็นมืออาชีพในฐานะนักวางระบบและออกแบบงานผลิตในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่กำลังเติบโตอย่างขีดสุดในสหรัฐฯ ทำให้เขาหมุนเวียนเปลี่ยนแหล่งทำงานในหลายบริษัทแถบแคลิฟอร์เนียจาก GTE เขาไปทำที่บริษัท VARIAN ที่พาร์โล อัลโต ในฐานะ PROGRAM MANAGER ผู้วางระบบและประยุกต์งานผลิต AUTOMATED MANUFACTURING

ในปี 1987 เขาก็ตัดสินใจร่วมเป็นหุ้นส่วนกับนักธุรกิจอเมริกันในบริษัท CIMATION / THOR ที่ซาน ลีอัลโด ในตำแหน่ง PRESIDENT แต่ก็อยู่ได้เพียงปีเดียวก็ออกไปหุ้นส่วนกับ US PACIFIC RIM CORP. ที่แฟร์ม็องต์ ผลิตสินค้าเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ แต่หุ้นส่วนแตกคอกัน ทำให้การเป็นหุ้นส่วนกับอเมริกันมีระยะเวลาสั้น ๆ มาก

เชียรช่วงกลับเมืองไทยเมื่อปีที่แล้ว เหตุผลไม่ใช่เพราะล้มเหลวในหุ้นส่วน หากเพราะเขาต้องการให้อุตสาหกรรมผลิตอิเล็กทรอนิกส์เกิดขึ้นในเมืองไทยเหมือนเช่นที่เป็นมาแล้วในฮ่องกงและไต้หวัน "ฮ่องกงและไต้หวันมีอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่โตมาก กระบวนการผลิตของมันสามารถกระจายแหล่งผลิตไปยังครัวเรือนต่าง ๆ ได้มากมาย เฉพาะที่ไต้หวันมีแหล่งผลิตอุปกรณ์และชิ้นส่นเครื่องอิเล็กทรอนิกส์เกือบ 2,500 บริษัท สินค้าอิเล็กทรอนิกส์มันเข้าไปเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตประจำวันของมนุษย์ในยุคสมัยใหม่นี้ทุกอย่าง และที่สำคัญกว่านั้น สามารถส่งออกไปยังตลดาใหญ่ ๆ อย่างสหรัฐฯ และยุโรป ทำเงินตราเข้าประเทศมากมายมหาศาล" เขาแสดงคุณค่าของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่กลั่นออกมาจากประสบการณ์อันยาวนานแล้วให้ "ผู้จัดการ" ฟัง

เขาไม่ต้องการเป็นลูกจ้างใครในเมืองไทย หากต้องการเป็น VENTURE CAPITALIST กับนักอุตสาหกรรมคนไหนก็ได้ที่เข้าใจปรัชญาและอุดมการณ์ของเขา บริษัท PEMCO ก่อตั้งขึ้นเมื่อกลางปีนตี้ร่วมหุ้นระหว่างเขากับทอมมี่ ยังส์ นักธุรกิจสัญชาติฮ่องกงที่เข้ามาทำธุรกิจ TRADING ในเมืองไทยเป็นเวลา 19 ปีแล้ว ในนามบริษัท THAI TRADE CENTER ทอมมี่มีพี่ชายและเพื่อนนักธุรกิจอยู่ที่ฮ่องกงมีสายสัมพันธ์กับผู้นำธุรกิจฮ่องกงที่มีชื่อเสียงหลายคน เช่น โรเบิร์ต ลี (ROBERT LI) ประธานสมาคมอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ฮ่องกง

"เป้าหมายตลาดของ PEMCO อยู่ที่ดึงนักอุตสาหกรรมฮ่องกงเข้ามาลงทุนร่วมกับนักอุตสาหกรรมไทย โดยมีผลเป็นตัวเชื่อมและ PEMCO เป็นหุ้นส่วนจำนวนหนึ่ง" เชียรช่วงพูดถึงเป้าหมายตลาดของบริษัท PEMCO ให้ฟัง

เชียรช่วงและทอมมี่ทราบดีว่า กลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำของฮ่องกงที่เขามีเส้นสายติดต่ออยู่กำลังเตรียมแหล่งลงทุนใหม่นอกฮ่องกง ซึ่งกำลังจะตกเป็นของจีนในปี 1997 เขาจึงไม่รีรอปล่อยให้เวลาเสียไปโดยเปล่าประโยชน์

แต่ปัญหามีอยู่ว่า จะเอาอุตสาหกรรมอะไรเข้ามาลงทุนในไทย และจะเอาพื้นที่อุตสาหกรรมที่ใดเป็นแหล่งตั้งโรงงาน ?

จนกระทั่งเขาได้พบและมีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดการพัฒนาอุตสาหกรรมในบ้านเรากับสงครามชีวประวัติ ดำรง นักอุตสาหกรรมสิ่งทอแห่งบริษัท จงสถิตย์ ปัญหาที่มีอยู่ในเรื่องสถานที่ก็แก้ตกไปได้ เมื่อสงครามมีที่ดินขนาดใหญ่ 600 ไร่อยู่ที่บางบอน เขตบางขุนเทียน ฝั่งธนบุรี

จุดนี้คือที่มาของโครงการเมืองอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในสวนอุตสาหกรรมจงสถิตย์ ที่เชียรช่วงและสงครามได้เปิดการแถลงข่าวไปแล้วเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนนี้เอง

เมืองอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เป็นความฝันของเชียรช่วงมานานแล้ว เหตุผลหนึ่งเขาเป็นนักวิศวกรอิเล็กทรอนิกส์ระดับมืออาชีพที่มีประสบการณ์ในอาชีพนี้มานาน สอง - เขามีข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมนี้โดยเฉพาะไต้หวันและฮ่องกงที่ใช้สิทธิ GSP ของสหรัฐฯ ส่งเข้าไปขายในตลาดสหรัฐฯ ปีละหลายพันล้านดอลลาร์ โดยที่ประเทศไทยโดยคนไทยเองกลับใช้สิทธิอุตสาหกรรมนี้น้อยมาก ปล่อยให้ญี่ปุ่น ฮ่องกง และไต้หวัน ที่มาตั้งอุตสาหกรรมประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น IC และ PCB ในบ้านเราใช้สิทธินี้แทน และสาม - เขาต้องการให้คนไทยมีความรู้ความสามารถในการทำธุรกิจนี้เนื่องจากเขามีความเชื่ออย่างมากว่า อนาคตธุรกิจอุตสาหกรรมนี้จะเติบโตอย่างมาก และจะช่วยยกระดับผลิตภาพการผลิตให้กับประเทศไทยอย่างมหาศาล

"อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีอยู่ในบ้านเราเวลานี้ ผมกล้าพูดได้เลยว่า 80% นำ CKD จากต่างประเทศเข้ามาประกอบในบ้านเราด้วยค่าจ้างแรงงานราคาถูกและสิทธิประโยชน์ส่งเสริมจาก BOI ผมเห็นว่า วิธีการแบบนี้ไม่ถูกต้อง เราต้องลด CKD ลงให้เหลือ 20% เพื่อ 80% ที่เหลือจะสามารถส่งเสริมให้คนไทยมีโอกาสได้ผลิตของป้อนให้อย่างที่ไต้หวันและฮ่องกงทำเวลานี้ประเทศทั้ง 2 แห่งนี้มีหน่วยผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กระจายอยู่ทั่วประเทศนับพัน ๆ แห่ง" เชียรช่วงพูดถึงเหตุผลในการนำอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาในไทย

เมืองอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์จะประกอบด้วยกลุ่มอุตสาหกรรม 4 กลุ่ม คือ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของเด็กเล่น นาฬิกา และชิ้นส่วน และ FOREIGN TRADE ZONE ธุรกิจอุตสาหกรรมทั้งหมดนี้ PEMCO จะมีส่วนเข้าไปถือหุ้นด้วยจำนวนหนึ่งทุกโครงการอย่างน้อยโครงการละ 10%

เชียรช่วงเล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟังว่า แนวคิดตัวแบบสวนอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์แบบนี้ เขาจำลองมาจากสวนอุตสาหกรรมที่ไต้หวัน "ซิน ตู ไซพาร์ค" คือ ผู้พัฒนาที่ดินอุตสาหกรรมจะร่วมลงทุนด้วย ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ขายกำไรจากที่ดิน

ที่ดินสวนอุตสาหกรรมแห่งนี้เป็นของสงคราม แต่อยู่ในรูปบริษัทที่ชื่อ THAILAND ELECTRONIC CITY CO., LTD. (TEC) โดยมี PEMCO ถือหุ้นร่วมกับกลุ่มบริษัทจงสถิตย์ของสงครามและธนาคารกสิกรไทย

วันนี้ของเชียรช่วง คือ วันที่เขาสามารถพูดได้เต็มปากว่า เขาเป็น VENTURE CAPITALIST เต็มตัวแล้ว

เพียง 3 เดือนที่เขาปั้น PEMCO ร่วมกับทอมมี่ เขาสามารถจับกลุ่มสหพัฒน์ลงทุนร่วมกับกลุ่ม SWISS HI-TECH ผลิตชิ้นส่วนนาฬิกาส่งออก และสหพัฒน์ร่วมกับแซมซุงผลิต PCB ส่งออกคิดเป็นมูลค่าเกือบ 1,000 ล้านบาทแล้ว

เขาเพียงแต่ปั้นโครงการ TEC ให้เต็มโครงการเท่านั้น เขาก็จะเป็นคนไทยคนแรกที่สร้างสวนอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นจริง

และ THAILAND : THE FIFTH TIGER OF ASIA ที่เป็นสโลแกนของ TEC ก็จะปรากฎเป็นจริง



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.