บลจ.โฟกัสเรตติ้งหุ้นกู้ ขอเน้นปลอดภัยสบายใจไว้ก่อน


ผู้จัดการรายสัปดาห์(15 ธันวาคม 2551)



กลับสู่หน้าหลัก

ธุรกิจ บลจ.เน้นลงทุนระมัดระวัง โฟกัสไปที่ตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำ และลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเป็นสำคัญ เลี่ยงตราสารหนี้ต่างประเทศ เหตุเสี่ยงเกิน ส่วนจะลงหุ้นกู้ในประเทศก็ต้องเรตติ้งระดับ A ขึ้นไป หวั่นการเมืองกระทบเครดิตประเทศและบริษัทเอกชน

เอกชนชี้ “รัฐบาล” ตัวแปรสำคัญ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเดินหน้า ระบุสเปกต้องหน้าตาดี-เชื่อถือได้ พร้อมแนะจับจังหวะช่วงราคาน้ำมัน-วัสดุก่อสร้างปรับลด เดินหน้าโครงการลงทุนภาครัฐ กระตุ้นเศรษฐกิจระยะยาว ไม่ใช่เอาใจแต่รากหญ้า มองการลดอาร์/พี 1% ของธปท. ถือว่าเหนือความคาดหมาย แนะเลี่ยงลงทุนหุ้นกู้เอกชนกลุ่มเสี่ยง ทั้งลีสซิ่ง การเงิน อสังหาริมทรัพย์และปิโตรเคมี

ศุภกร สุนทรกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด กล่าวถึงการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย(อาร์/พี 1 วัน)ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลง 1% ว่า สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดตราสารหนี้ค่อนข้างมาก เพราะมีการคาดการณ์ว่าน่าจะปรับลดเพียง 0.5% เท่านั้น การปรับลดดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าทาง ธปท. ต้องการที่จะใช้นโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณชะลอตัวลงอย่างชัดเจน หลังจากที่เสรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวได้ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)

นอกจากนี้ ความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศไทยเอง ยังทำให้การใช้จ่ายภาครัฐ การลงทุนภาคเอกชนหายไปด้วย และผลของการปิดสนามบินจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่ง ธปท.มีความจำเป็นต้องลดอัตราดอกเบี้ยลงมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจค่อนข้างแรง

อย่างไรก็ตาม การจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งหน้าอีกหรือไม่นั้น ขึ้นกับตัวเลขเศรษฐกิจจริงที่จะเป็นกุญแจสำคัญในการพิจารณาของ ธปท. ซึ่งหากต้องการให้ปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจมีมากขึ้น ก็อาจจะใช้วิธีลดการดูดซับสภาพคล่องโดยลดการออกพันธบัตรลงร่วมด้วย

ทั้งนี้แนวโน้มความกังวลต่อวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลกจะทำให้ตราสารหนี้มีความเสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะตราสารหนี้ภาคเอกชนที่ต้องระวังการถูกปรับลดอันดับเครดิต (ดาวน์เกรด) ซึ่งในปีหน้า จะเห็นภาคเอกชนระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้มากขึ้น เพราะการไประดมทุนในต่างประเทศทำได้ยากขึ้น

นอกจากนี้ปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้น ทำให้ประเทศไทยถูกปรับลดอันดับเครดิตลง ซึ่งจะติดตามมาด้วยการปรับลดอันดับเครดิตบริษัทเอกชน ทำให้กองทุนต้องมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้โดยใช้ความระมัดระวังมากขึ้น จากเดิมที่มีกรอบนโยบายที่ลงทุนในหุ้นกู้ที่มีเรทติ้ง BBB- ซึ่งเป็นระดับที่สามารถลงทุนได้ (investment grade) ขึ้นไป ก็ขยับขึ้นมาที่เรทติ้ง A ขึ้นไป ด้าน กำพล อัศวกุลชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาและสนับสนุนตัวแทนขาย บลจ.ทหารไทย กล่าวว่า มีตราสารหนี้ต่างประเทศของหลายๆประเทศที่ให้ดอกเบี้ยสูง แต่ก็มีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนมากเช่นกัน เพราะปัจจุบันค่าเงินมีความผันผวนสูง และไม่เป็นไปตามกลไกปกติ ดังนั้น ถึงแม้ผลตอบแทนจะสูงแต่หักลบอัตราแลกเปลี่ยนไปแล้วอาจจะไม่คุ้มกัน

สำหรับในปีหน้ากองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้มูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท จะเริ่มทยอยครบอายุ ดังนั้นจะมีเงินลงทุนไหลกลับมากขึ้น ซึ่งก็มีแนวโน้มว่าจะกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำเช่น พันธบัตรรัฐบาลและ หุ้นกู้คุณภาพดี


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.