|
แคนนอน DIGIC 4
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( ธันวาคม 2551)
กลับสู่หน้าหลัก
ในที่สุดแคนนอนก็สามารถช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดกล้องดิจิตอลมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และเบียดยักษ์ใหญ่อย่างโซนี่หล่นไปอยู่อันดับสองอย่างไม่น่าเชื่อ
วาตารุ นิชิโอกะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยในวันแถลงข่าวเปิดตัวกล้องรุ่นใหม่ของแคนนอนพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ชิป DIGIC 4 ว่าแคนนอนสามารถครองอันดับหนึ่งในธุรกิจกล้องดิจิตอลที่รวมทั้งกล้องแบบ SLR และแบบคอมแพคขนาดพกพา ทำให้มียอดจำหน่ายสูงที่สุด 27% ในขณะที่โซนี่มีส่วนแบ่งประมาณ 22-23%
หลังจากที่แคนนอนครองส่วนแบ่งการตลาดกล้องอันดับหนึ่งตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้แคนนอนได้เร่งเปิดตัวกล้องใหม่ที่ผนวกกับเทคโนโลยีชิปตัวใหม่ที่เรียกว่า DIGIC 4 มีเป้าหมายเพื่อรักษาตำแหน่งแชมป์ให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
แคนนอนตัดสินใจนำเทคโนโลยี DIGIC 4 นวัตกรรมล่าสุดที่พัฒนาต่อเนื่องจากเทคโนโลยี DIGIC III ที่เน้นถ่ายภาพบุคคลโดยเฉพาะมาเปิดตัวปลายปีเพื่อรองรับฤดูการจับจ่ายของผู้บริโภค
เทคโนโลยีชิป DIGIC 4 มีคุณสมบัติในการประมวลผลความเร็วกว่า DIGIC III 1.3 เท่าตัว ทำให้การตรวจจับใบหน้าและโฟกัสใบหน้าคมชัดเพิ่มขึ้น
แคนนอนได้พยายามชี้ให้เห็นความใหม่ๆ หลายส่วนที่อยู่ในเทคโนโลยีดังกล่าว อาทิ การจับโฟกัสตามวัตถุเคลื่อนไหว (Servo AF) การปรับค่าของแสงที่สว่างหรือมืดเกินไปให้เหมาะสม รวมถึงการตรวจจับโฟกัสใบหน้าสำหรับการตั้งเวลาถ่ายภาพอัตโนมัติ กล้องจะจับโฟกัสของใบหน้าให้ทันทีที่มีใบหน้าปรากฏและจะจับโฟกัสกระทั่งใบหน้าหยุดการเคลื่อนไหวและกล้องจะกดชัตเตอร์เองโดยอัตโนมัติ
กลุ่มกล้องดิจิตอลแคนนอนที่ใช้เทคโนโลยีชิป DIGIC 4 มีทั้งหมด 6 รุ่น อาทิ กล้อง D-SLR EOS รุ่น 50 D จัดอยู่ในกลุ่มโปรเฟสชั่นนอลที่ใช้งานในระดับมืออาชีพ
กล้องดิจิตอลคอมแพค IXUS รุ่น 980 IS และIXUS 870IS ที่จัดอยู่ในกลุ่มแฟชั่นและกล้องดิจิตอลคอมแพค PowerShot รุ่น G10 รุ่น SX1 IS และรุ่นSX10 IS
แนวคิดการพัฒนาเทคโนโลยีชิป DIGIC 4 ของแคนนอนเกิดจากการนำข้อมูลพื้นฐานของนักถ่ายภาพทั่วโลกมาทำวิจัย
วรินทร์ ตันติพงศ์พาณิช ผู้อำนวยการอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป ส่วนคอนซูมเมอร์อิมเมจจิ้ง แอนด์ อินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอนฯ บอกว่า แนวโน้มเทคโนโลยีกล้องดิจิตอลจะเน้นภาพที่มีความละเอียดสูงและใช้ระบบแฟลตเมมเมอรี่เพิ่มมากขึ้น และจะกลายเป็นระบบมาตรฐานของกล้องดิจิตอลในปี 2552
และการพัฒนาของกล้องดิจิตอลคอมแพคขนาดเล็กจะมีการนำเทคโนโลยีที่อยู่ในกล้อง SLR ที่ใช้ในกลุ่มระดับมืออาชีพมาพัฒนากล้องในระดับพกพาให้มีคุณสมบัติใกล้เคียงมากขึ้น เพราะผู้ใช้มีความรู้เรื่องการใช้งานกล้องดิจิตอลดังนั้นจึงต้องการกล้องที่มีประสิทธิภาพสูง
วิวัฒนาการของกล้องแคนนอนที่ผลิตและจำหน่ายมายาวนานกว่า 70 ปี มีเป้าหมายที่จะผลิตกล้องให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่ม เพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้และวิธีการใช้งานจะต้องเป็นมิตรกับผู้ใช้
การที่แคนนอนสามารถก้าวขึ้นมามีส่วนแบ่งการตลาดอันดับหนึ่งในเมืองไทยในช่วงระยะเวลานี้ ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นชัยชนะของแคนนอน เพราะคู่แข่งโซนี่ที่ครองแชมป์มายาวนานคงไม่ปล่อยให้แคนนอนนำหน้าได้นาน
ก็ต้องมาลุ้นกันว่าโซนี่จะแก้เกมแคนนอนได้อย่างไร?
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|