กว่าจะมีวันนี้ของเอลฟ์ (Elf)


นิตยสารผู้จัดการ( พฤศจิกายน 2532)



กลับสู่หน้าหลัก

"เอลฟ์" เป็นชื่อเครื่องหมายการค้าที่กลุ่มบริษัท SOCIETE NATIONALE ELF AQUITAINE (SNEA) บัญญัติขึ้นเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ของโลกเมื่อปี 1967 หลังจากที่ได้ดำเนินธุรกิจสำรวจขุดเจาะและผลิตน้ำมันและก๊าซขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1939

ความยิ่งใหญ่ของ "เอลฟ์" ในแวดวงอุตสาหกรรมปิโตรเลียมมีมากมายมหาศาล ในเอกสารรายงานประจำปี 1988 ของ "เอลฟ์" ระบุว่า มีธุรกิจ 3 แขนงที่เอลฟ์เข้าไปดำเนินการอย่างจริงจัง คือ หนึ่ง - น้ำมันและก๊าซ สอง - ผลิตภัณฑืเคมี สาม - น้ำหอมและผลิตภัณฑ์ความงามที่ได้จากการพัฒนาด้านเทคโนโลยีชีวภาพ และสุดท้ายด้านวิจัยและการพัฒนา

ELF AQUITAINE เป็นบริษัทที่นำในธุรกิจน้ำมันและก๊าซของกลุ่ม ขณะที่บริษัท ATOCHEM TEXASGULF และ M & T CHEMICALS เป็นบริษัทหลักของกลุ่มในธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีส่วนน้ำหอมและผลิตภัณฑ์ความงาม บริษัท SANOFI เป็นตัวยืนในการดำเนินธุรกิจด้านนี้

ไม่มีหลักฐานข้อมูลที่แน่ชัดเกี่ยวกับยอดขายและทรัพย์สินของกลุ่มเอลฟ์ แต่การเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหุ้นที่ฝรั่งเศสและมีคนงานทั่วโลกอยู่ประมาณเกือบ 80,000 คน ก็เพียงพอจะยืนยันความเป็นบริษัทมหาชนที่ยิ่งใหญ่ได้

เอลฟ์ปฏิบัติการธุรกิจส่วนใหญ่อยู่ในดินแดนยุโรปและอเมริกา ขณะที่เอเชียเอลฟ์เพิ่งจะเข้ามาเมื่อปี 1976 เท่านั้น โดยตั้งสำนักงานสาขาที่สิงคโปร์

เรียกว่าสำหรับในดินแดนเอเชียแล้ว เอลฟ์เป็นคนแปลกหน้าเอามาก ๆ เมื่อเทียบกับยักษ์ใหญ่ปิโตรเลียมอย่างเชลล์หรือเอสโซ่

ความที่เอลฟ์เป็นชื่อเครื่องหมายการค้าที่เพิ่งถูกบัญญัติขึ้นเมื่อ 20 ปีเศษผ่านมานี้เองและเพิ่งจะเริ่มเข้ามาดำเนินธุรกิจในเอเชียเมื่อ 10 ปีเศษให้หลังนี้เอง จึงแทบจะไม่ต้องพูดกันมากเลย ที่คนไทยจะรู้จักเอลฟ์น้อยมาก ๆ เมื่อเทียบกับเชลล์และเอสโซ่

"ช่วงแรก ๆ ที่ผมขายน้ำมันเครื่องเอลฟ์ในเมืองไทย ลูกค้าหลายคนนึกว่าผมเอาชุดชั้นในยี่ห้อ "เอลฟ์" (ELFE) มาขายเพราะทั้งเสียงและชื่อยี่ห้อคล้ายกันมาก" บุญเอก โฆษานันตชัยกรรมการผู้จัดการบริษัท RACTRADING ผู้แทนจำหน่ายแต่ผู้เดียวของเอลฟ์ในเมืองไทยกล่าวกับ "ผู้จัดการ" ถึงอุปสรรคในการเจาะตลาดน้ำมันเครื่องในเมืองไทยช่วงแรก ๆ

บุญเอกเป็นนักธุรกิจที่คลุกคลีอยู่กับธุรกิจน้ำมันเครื่องมาเป็นเวลานานนับ 12 ปีแล้ว เขาเป็นคนชอบกีฬาความเร็วพอ ๆ กับร้องเพลง ที่ครั้งหนึ่งสมัยเป็นนักเรียนมัธยมที่อำนวยศิลป์ เขาชองร้องเพลงถึงขนาดฟอร์มวงดนตรีขนาดย่อม ๆ ขึ้นเล่นกันเองในหมู่เพื่อนฝูง

ด้วยความหลงใหลในกีฬาความเร็วนี้เอง ทำให้บุญเอกมีความคิดในเชิงธุรกิจขึ้นมาว่าน่าจะเอาน้ำมันเครื่องชั้นดีมาขายในตลาดเมืองไทย ปัญหามีอยู่ว่าจะใช้ช่องทางจัดจำหน่ายตรงไหน เนื่องจากตลาดน้ำมันเครื่องส่วนใหญ่จะอยู่ในปั๊มน้ำมัน ที่ผูกขาดโดยบริษัทเชลล์และเอสโซ่

ช่วงเวลานั้นอยู่ในปี 2521 วิกฤติการร์น้ำมันทั้งโลกเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 2 และมีผลทำให้ตลาดน้ำมันทุกชนิดในเมืองไทยราคาแพงขึ้น และไม่เพียงพอต่อความต้องการ "ปั๊มน้ำมันทุกปั๊มเวลานั้น มีกำพรต่อลิตรน้อยมาก อีกทั้งเวลาการเปิดบริการก็แค่ 5 โมงเย็นก็ต้องปิดแล้ว เพราะรัฐบาลต้องการให้ประชาชนประหยัดการใช้น้ำมันเหตุนี้ยิ่งกระหน่ำให้เจ้าของปั๊มหลายรายเลิกกิจการไป บางรายที่ยังยืนหยัดธุรกิจขายน้ำมันต่อก็หันไปลงทุนเปิดศูนย์บริการอัดฉีด เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องนอกปั๊ม ซึ่งสามารถให้บริการแก่ลูกค้าได้ตลอด 24 ชม.และทุกวัน" บุญเอกเล่าย้อนเหตุการณ์ถึงการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดของปั๊มน้ำมันในช่วงเวลานั้น

จุดนี้เองเป็นช่องว่างให้บุญเอกเริ่มเจาะตลาดน้ำมันเครื่องเอลฟ์ ตามศูนย์บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและล้างอัดฉีดนอกปั๊ม นอกเหนือจากช่องทางตามร้านค้าปลีกทั่วไป

ผู้ค้าน้ำมันเครื่องนอกปั๊มเวลานั้น ที่เป็นเจ้าตลาดอยู่ก็คือคาสตรอล ซึ่งเจาะตลาดนี้มาตั้งแต่กลางปี 2515 โดยคาสตรอลยึดตลาดใน SEGMENT คุณภาพสินค้าระดับเกรดปานกลาง ขณะที่ตลาดเกรดสูงยังไม่มียี่ห้อไหนทำอย่างจริงจัง

บุญเอกมองเห็นช่องว่างตลาดผู้บริโภคตรงนี้ได้ชัดเจนเขาจึงน้ำเอลฟ์เกรดสูง เข้ามาเจาะตลาดบนนี้ ด้วยความเชื่อในพฤติกรรมผู้บริโภคว่า ยิ่งรถมีราคาแพง ผู้บริโภคก็ยิ่งจะพิถีพิถันในการเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพสูงเพื่อบำรุงรักษาเครื่องยนต์

แต่ความที่เอลฟ์ยังใหม่อยู่มากในสายตาศูนย์บริการ และผู้ใช้นี้เองทำให้บุญเอกแทบจะต้องเลิกธุรกิจนี้ไปเลยช่วง 3-4 ปีแรก แต่พระเจ้าก็มักจะเห็นใจผู้ต่อสู้เสมอช่วงปี 2525 ตลาดรถยานยนต์เริ่มบูมขึ้นพร้อม ๆ กับรถยนต์จากคายยุโรปเป็นที่นิยมจากผู้ใช้เนื่องจากรถยนต์จากค่ายญี่ปุ่นมีราคาแพงขึ้นขณะที่คุณภาพด้อยลงโดยเปรียบเทียบ

แม้เอลฟ์จะยังใหม่อยู่เวลานั้น แต่ความที่บุญเอกวาง POSITIONING สินคาไว้ที่คุณภาพสุงตลอดเวลาอย่างมั่นคง ประกอบกับใช้วิธีเจาะตลาดโดยกระจายสินค้าตามร้านค้า และศูนย์บริการทั่วไปอย่างต่อเนื่องทำให้ผู้ใช้รถเริ่มหันมาทดลองใช้เอลฟ์มากขึ้น ขณะที่บุญเอกก็เริ่มส่งเสริมการขายโดยเป็นสปอนเซอร์ร่วมจัดรายการแข่งขันรถจักรยานยนต์และรถแข่งตามโปรแกรมการแข่งขันต่าง ๆ อย่างจริงจัง

"เอลฟ์" ที่บุญเอกฟูมฟักมา 3-4 ปีก็เริ่มเห็นอนาคตเรืองรอง จากยอดขายในปีแรก 2 ล้านบาท แบบฝากขาย ก็เริ่มค่อย ๆ ไต่บันไดขึ้นเป็นหลักสิบล้านบาทและหลายสิบล้านบาทตามจำนวนปีที่อยู่ในตลาด

ตลาดน้ำมันเครื่อง(ทั้งในปั๊มและนอกปั๊ม) สำหรับจักรยายนต์ปีที่แล้ว ถ้าคิดแบบอนุรักษ์จะตกอยู่ราว ๆ 1,200 ล้านบาท (จำนวนรถประมาณ 4 ล้านคัน) กว่า 50% ผู้ใช้รถเปลี่ยนถ่านน้ำมันเครื่องนอกปั๊มทั้งสิ้น

แหล่งข่าววงการค้าน้ำมันเครื่องชั้นนำรายหนึ่งเล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟังว่า ส่วนแบ่งตลาดนอกปั๊มเกรดสูง เอลฟ์เป็นผู้นำอยู่ กินส่วนแบ่งประมาณ 40% ส่วนเกรดปานกลางคาสตรอลยังปักหลักเป็นผู้นำอยู่อย่างแน่นหนา โดยมีมอลลาเป็นตัวตามอย่างใกล้ชิด แต่เมื่อรวมทั้งตลาดเฉพาะภายนอกปั๊มแล้ว เอลฟ์น่าจะมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 18%

ส่วนแบ่งตลาดเพียง 18% สำหรับบุญเอกแล้ว เขาถือว่าเอลฟ์เกิดอย่างภาคภูมิแล้วในเมืองไทย หลังจากใช้เวลาฟูมฟักมาเป็นเวลาร่วม 12 ปี

แต่วิสัยความเป็นพ่อค้าของบุญเอก ย่อมไม่หยุดอยู่ตรงนี้ เขายังบุกตลาดต่อไป โดยยึดตลาดเกรดปานกลางเป็นธงนำ "ตลาดกลางมีสัดส่วน 40-45% ของทั้งหมด มันใหญมากพอคุ้มกับการลงทุนแน่นอน" บุยเอกให้เหตุผลกับ "ผู้จัดการ"

ปัญหามีอยู่ว่า เขาจะเจาะและขยายส่วนแบ่งตลาดส่วนนี้ไปได้อย่างไรเมื่อต้องปะทะกับยักษ์ใหญ่ผู้มาก่อนอย่างคาสตรอลและมอลล่าจากค่ายเชลล์

จุดนี้คือที่มาสงครามน้ำมันเครื่องนอกปั๊มระหวางคาสตรอลกับเอลฟ์ที่ดุเดือดในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา

บุญเอกกับทนง ลี้อิสระนุกูลเป็นเพื่อนกันมานาน ทนงนั้นเป็นลูกชายของปริญญาเจ้าพ่อค่ายสิทธิผล ทนงปั้นยางรถจักรยานยนต์ IRC จนติดตลาดทั่วฟ้าเมืองไทย แต่ทนงไม่มีน้ำมันเครื่องขาย การบรรจบกันของบุญเอกกับทนงแห่งสิทธิผล 191 ก็ลงเอยกัน โดยบุญเอกให้ทนงเป็น SUB-AGENT ให้เจาะตลาดน้ำมันเครื่องเกรดปานกลางให้

"ขายยางควบน้ำมันเครื่องเอลฟ์ และได้มือเซลส์ของค่ายสิทธิผล 191 ของทนงเป็นการตัดสินใจร่วมมือทางการตลาดที่เยี่ยมยอดของบุญเอกโดยแท้ที่เขาสามารถเอาจุดแข็งใน NET WORK ตลาดของสิทธิผล 191 ไปปะทะกับจุดแข็งในยี่ห้อของคาสตรอล แต่อ่อนด้าน NET WORK ตลาด" นักวิเคราะห์ตลาดน้ำมันเครื่องเล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟัง

บุญเอกกล่าวกับ "ผู้จัดการ" ในศึกสงครามกับคาสตรอลครั้งนี้ว่า เอลฟ์จะสู้กับคาสตรอลในตลาดเกรดปานกลางจนถึงที่สุด เพราะถ้าเอลฟ์ชนะสงครามนี้ นั่นหมายถึงเอลฟ์จะยึดตลาดน้ำมันเครื่องนอกปั๊มทั้งตลาดบนและตลาดกลางไปได้อย่างสบาย ๆ รองรับกับโครงการลงทุนร่วมผลิตน้ำมันเครื่องเอลฟ์ในเมืองไทยที่เขากำลังเจรจาในรายละเอียดอยู่กัเบอลฟ์ที่ฝรั่งเศสได้อย่างเหมาะสม



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.