กระทิงห้อ650จุดสิ้นปีนี้ อุ๋ยหนุน 5 แบงก์เพิ่มทุน


ผู้จัดการรายวัน(14 สิงหาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

กระทิงหุ้นไทยยังเดินหน้าต่อเนื่องวานนี้ ด้วยมูลค่าซื้อขายพุ่งเป็น 2.8 หมื่นล้านบาท ฝรั่งยังซื้อสุทธิอีก 1.5 พันล้านบาท "ก้องเกียรติ" คาดปลายปี กระทิงวิ่งใส่ หุ้นไทยชน 650 จุด เพราะเศรษฐกิจ-การเมืองไทยยังแข็ง คาดรัฐบาลอยู่ต่อเทอมที่ 2 หุ้นพลังงาน-อสังหาฯ-เช่าซื้อ ยังน่าสน ด้าน "กิตติรัตน์" คาด MSCI เตรียมปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย แม้เตือนระวังระยะสั้นอาจมีแรงเทขายทำกำไร ขณะที่เลห์แมน บราเดอร์ส บริษัทที่ปรึกษาการลงทุนจากแดนมะกัน ปรับประมาณการเติบโตเศรษฐกิจไทยปีนี้ เพิ่มจาก 4.9% เป็น 5.1% ขณะที่อุ๋ยหนุนอีก 4 แบงก์ที่ออกสลิปส์แคปส์ที่เหลือเพิ่ม ทุนไถ่ถอนตราสารชนิดนี้ก่อนกำหนด แบงก์กรุงเทพ-กสิกรไทยจ่อคิวรายต่อไป

กระทิงยังคงเดินหน้าใส่ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ดัชนีหุ้นพุ่งต่ออีก 11.96 จุด เพิ่ม 2.33% เป็น 525.15 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายรวม 28,109.41 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิวานนี้ 1,575.50 ล้านบาท ขณะที่ตั้งแต่ต้นเดือนนี้จนถึงวานนี้ 8 วันทำการ ต่างชาติซื้อสุทธิ 3,019.41 ล้านบาท

นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ แอสเซท พลัส กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติขณะนี้สนใจ ลงทุนหุ้นไทยอย่างมาก เพราะเศรษฐกิจไทยรอบนี้พลิกฟื้นต่อเนื่อง และเป็นของจริง ซึ่งต้องถือว่าเป็นผลงานของนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างแท้จริง

สิ้นปีแตะ 650 จุด

จากภาวะกระทิงที่ยังเป็นต่อเนื่อง เขาคาดว่าสิ้นปีนี้ดัชนีหุ้นไทยมีสิทธิพุ่งแตะ 650 จุด เพราะปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง ประกอบกับสัดส่วนราคาหุ้นต่อกำไร (พีอี) ตลาดหุ้นไทยขณะนี้ยังต่ำที่สุดในเอเชีย สะท้อนแนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียน ไทย ที่ยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่อง

นายสิทธิพร เจนในเมือง ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บ.ล. แอสเซทพลัส กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวเข้าสู่ภาวะกระทิงต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ผ่าน 400 จุด ทะลุ 500 จุด แม้ปรับฐานระยะหนึ่ง จากนั้นปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง

คาดว่าระยะกลางถึงยาว ตลาดฯยังจะปรับตัวขึ้นต่อได้อีก คาดว่าดัชนีหุ้นไทยปีนี้ จะปรับตัวขึ้นยืน ที่ระดับ 531 จุด 585 จุด และมีโอกาสจะปรับขึ้นไปที่ 600-650 จุด

ปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ พื้นฐานเศรษฐกิจไทย ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยประกาศ นอกจากนี้คาดว่าบริษัทจัดอันดับเครดิตระหว่างประเทศต่างๆ จะปรับเครดิตไทยเพิ่มขึ้น ทำให้มีแรงซื้อนักลงทุนต่างชาติต่อเนื่อง

"ระดับตรงนี้หุ้นขึ้นร้อนแรงเกินไปหรือไม่ ถ้ามองจริงๆ ปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังสนับสนุน" นายสิทธิพร กล่าว

หุ้น 3 กลุ่มน่าสน-รัฐบาลอยู่ต่อเทอม 2

หุ้นกลุ่มพลังงานยังน่าสนใจ แม้บางบริษัทจะราคาเต็มมูลค่าแล้ว แต่หากเศรษฐกิจฟื้นตัว กลุ่มดังกล่าวก็จะฟื้นตัวตาม นอกจากนี้ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ก็ยังมีแนวโน้มดีช่วงดอกเบี้ยต่ำ รวมถึงกลุ่มเช่าซื้อ ที่ยังดีต่อเนื่องตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องติดตามขณะนี้ ได้แก่ ปัจจัยนอกเหนือความคาดหมาย เช่น การก่อการร้าย หรือปัจจัยการเมือง หากมีปัญหาจะกระทบตลาดฯ แต่ตอนนี้ไม่น่าจะเกิดเพราะประชาชนยอมรับรัฐบาล ชุดปัจจุบันมาก คาดว่ารัฐบาลน่าจะอยู่ได้ 2 สมัย เพื่อจะสานต่อนโยบายเศรษฐกิจให้ต่อเนื่อง

แนวโน้มการลงทุนต่างชาติ ขณะนี้มองตลาดหุ้นไทยดีขึ้น ตั้งแต่การที่รัฐบาลประกาศชำระหนี้คืน ให้ไอเอ็มเอฟก่อนกำหนดถึง 2 ปี ตอนนี้ รอเพียงการปรับอันดับเครดิตสถาบันต่างๆ ว่าจะมีสถาบันไหนปรับเครดิตหรือไม่ ในสายตานักลงทุนต่างชาติ ตลาดหุ้นไทยดูดี กลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้ถือลงทุนยาว 3 เดือนขึ้นไป ควรลดการเก็งกำไร

เป้าต่อไปทดสอบ 536 จุด

ทางด้านนายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม ผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ไอบี กล่าว ว่า ตลาดฯเข้าสู่ภาวะกระทิงเต็มตัวอย่างมีนัยสำคัญ จากนี้ไปเชื่อว่าหุ้นที่ปรับตัวขึ้นจะเป็นบางบริษัทเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยคาดว่าจะขึ้นไป 536 จุด กลยุทธ์ควรเลือกลงทุนรายตัว อย่างไรก็ตาม ปัจจัยควรติดตามคือการประกาศปรับเครดิตประเทศไทย

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่าเขามั่นใจว่า MSCI ดัชนีกลุ่มมอร์แกน สแตนเลย์ จากแดนมะกัน ที่ผู้จัดการกองทุนทั่วโลกใช้ตัดสินใจ ลงทุนตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งตลาดหุ้นไทย จะปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนตลาดหุ้นไทยรอบนี้ แม้การที่ดัชนีวานนี้เดินหน้าทะลุ 520 จุด อาจมีแรงเทขายช่วงสั้น

เขาคาดว่า MSCI จะใช้หลักพิจารณาโดยคำนวณจาก NVDR ตราสารที่ให้นักลงทุนต่างชาติลงทุนหุ้นไทยโดยไม่จำกัดเพดานถือหุ้น แต่ไร้สิทธิออกเสียงของนักลงทุนต่างชาติที่ลงทุนหุ้นไทย เหมือนการปรับน้ำหนักการลงทุนครั้งก่อน

ขณะที่นักลงทุนต่างชาติปัจจุบันลงทุนในประเทศไทยมาก โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทย ที่ยังน่าสนใจสำหรับพวกเขาอยู่มาก ขณะนี้ ผู้บริหารกองทุน ต่างประเทศเดินทางเข้าไทย เพื่อพบผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนไทยมากขึ้น

การที่ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ทะลุ 520 จุด ถือเป็นแนวโน้มที่ดี เนื่องจากพีอีตลาดหุ้นไทย เมื่อเทียบตลาดฯอื่นๆในเอเชียยังต่ำสุด ประกอบกับ บจ.ทยอย ประกาศจ่ายเงินปันผล ถือว่าราคาหุ้นไทยยังไม่แพงนัก สามารถลงทุนได้

อย่างไรก็ตาม การที่ราคาหุ้นปรับขึ้นเร็ว อดีตผู้จัดการกองทุนฝีมือดีคาดว่าอาจมีแรงเทขายทำกำไรบ้าง ทำให้ดัชนีผันผวนช่วงสั้น จึงเตือนนักลงทุน ระมัดระวังการลงทุนด้วย โดยให้ติดตามภาวะตลาด หุ้นใกล้ชิด เน้นดูกำไร บจ. ประกอบบทวิเคราะห์โบรกเกอร์ เพื่อป้องกันความเสี่ยง

อุ๋ยหนุนแบงก์เพิ่มทุนรองรับไถ่ถอนสลิปส์-แคปส์

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าววานนี้ ถึงการเพิ่มทุนของ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เพื่อไถ่ถอนหุ้นกู้บุริมสิทธิ์ควบหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ลักษณะสลิปส์ ที่จะถึงกำหนด มี.ค. 2547 ว่าดำเนินการถูกต้อง เพราะธปท.สนับสนุน ให้แก้ปัญหาการไถ่ถอนสลิปส์ และหุ้นกู้ด้อยสิทธิควบหุ้นกู้บุริมสิทธิ ลักษณะแคปส์เป็นรูปธรรม ต้องการให้ธนาคารทุนจดทะเบียนเพียงพอ

"หากธนาคารกรุงศรีฯ ขออนุมัติการเพิ่มทุนเข้ามายัง ธปท. ทาง ธปท. จะอนุมัติให้ทันทีโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ เพราะเป็นเรื่องที่ดี โดยที่ผ่านมา 5 ธนาคาร คือ ธนาคารทหารไทย กรุงศรีอยุธยา กสิกรไทย กรุงเทพ และไทยทนุ ซึ่งมีการออกหุ้นกู้ในลักษณะสลิปส์ และแคปส์ ได้มาหารือกับ ธปท.ในเบื้องต้นแล้ว เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว โดย ธปท.ได้แนะนำให้ดำเนินการเพิ่มทุนใหม่มากกว่า" ผู้ว่าการ ธปท.กล่าว

เขากล่าวต่อว่า ขณะนี้ 2 ธนาคาร คือ ธนาคาร ทหารไทย และกรุงศรีอยุธยา ตัดสินใจเลือกช่องทาง เพิ่มทุน อยู่ระหว่างการดำเนินการ ส่วนธนาคารกสิกรไทย และกรุงเทพ เท่าที่หารือและตกลงเบื้องต้น จะให้แนวทางออกหุ้นเพิ่มทุนใหม่ เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวเช่นกัน แต่อยู่ระหว่างทดสอบกำลังตลาดว่า มีกำลังพอจะรองรับเพิ่มทุนหรือไม่ และรอจังหวะเพิ่มทุนที่เหมาะสม

BBL-KBANK จ่อคิวเพิ่มทุนต่อ

สำหรับธนาคารกสิกรไทย และกรุงเทพ เชื่อว่า คงจะประกาศเพิ่มทุน เมื่อเห็นว่าตลาดหุ้นอยู่ในภาวะ เหมาะสม ทั้ง 2 แห่งอยู่ระหว่างเตรียมการ แต่การตัดสินใจเพิ่มทุน ว่าจะใช้แนวทางใด กรณีธนาคารที่ฐานะการเงินแข็งแกร่ง สามารถประกาศเพิ่มทุนได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องรอคำสั่ง ธปท. เพียงขออนุญาต เพิ่มทุนเท่านั้น

เดิมมีข่าวธนาคารกสิกรไทยจะใช้วิธีแก้ปัญหา สลิปส์แคปส์ ด้วยการเอากำไรที่มีอยู่มาตัด ธนาคารกรุงเทพจะใช้หนทางรีไฟแนนซ์ทีละจำนวน จนครบการไถ่ถอน ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า หนทางที่ธปท.สนับสนุน และต้องการให้ดำเนินการเพิ่มทุน มากกว่ารีไฟแนนซ์ ทุกธนาคารเข้าใจเรื่องนี้ดี

สลิปส์-แคปส์ทั้ง 5 ธนาคาร จะอายุครบกำหนดไถ่ถอนช่วงต้นปี 2547 ธนาคารกรุงเทพ 4.6 หมื่นล้านบาท กสิกรไทย 4 หมื่นล้านบาท กรุงศรีฯ 3.6 หมื่นล้านบาท ทหารไทย 1.3 หมื่นล้านบาท และดีบีเอส ไทยทนุ 6.6 พันล้านบาท

เลห์แมนปรับจีดีพีไทยเพิ่มเป็น 5.1% ปีนี้

นายโรเบิร์ต ซับบาราแมน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสเลห์แมน บราเดอร์ส ให้เหตุผลการปรับเพิ่มประมาณการอัตราเติบโตจีดีพีไทยครั้งนี้ว่า "เนื่องจาก ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สดใสที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้"

นายซับบาราแมนเสริมว่า "สำหรับประเทศไทย การส่งออกได้รับประโยชน์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น และค่าเงินบาทที่สามารถแข่งขันในตลาดได้ นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีอัตราการว่างงานที่ลดต่ำลง และมีนโยบายระดับมหภาคที่ผ่อนคลาย และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการปฏิรูประบบสถาบันการเงินอย่างจริงจังและต่อเนื่อง"

อสังหาฯ ขยายชัด

ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้สินเชื่อผู้บริโภคเพิ่มขึ้น และขยายตัวภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างเด่นชัด รวมทั้งมีการส่งเสริมให้บริโภคในประเทศเพิ่มขึ้น และสอดรับกับภาวะการส่งออกของไทย เป็นแรงขับสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย

"เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีขึ้นภายหลังการยุติการ ระบาดโรคซาร์ส โดยปริมาณการส่งออกและการผลิต เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในอัตราตัวเลข 2 หลัก" นายซับบาราแมน กล่าว

เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. เลห์แมน บราเดอร์สจัดอันดับไทยเป็น "1 ในดาวรุ่งของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" พร้อมคาดว่าไทยจะมีการเติบโตจีดีพี 4.2% ปีนี้ ต่อมา เลห์แมน บราเดอร์ส เห็นทิศทางเติบโตอันสดใสและแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในตลาดไทย จึงปรับประมาณการเติบโตจีดีพีไทยเพิ่มเป็น4.9% เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ล่าสุดประกาศปรับอัตราเติบโตดังกล่าวเพิ่มเป็น 5.1%

เลห์แมน บราเดอร์ส(ตัวย่อในตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก: LEH) เป็นผู้ให้บริการด้านการเงินบริษัทเอกชน รัฐบาล และองค์กรของรัฐ ตลอดจนกลุ่มลูกค้าประเภทสถาบันและประเภทบุคคลชั้นนำทั่วโลก

และยังเป็นผู้นำด้านขายหุ้นทุนและตราสารหนี้ การซื้อขายและวิเคราะห์หลักทรัพย์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุนให้บริการปรึกษาเพื่อร่วมทุน และให้บริการ ลูกค้าส่วนบุคคลระดับสูง



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.