ทีพีไอโพลีนขออำนาจศาล ออกหมายเรียก "วิโรจน์ นวลแข" บิ๊กแบงก์กรุงไทยมาร่วมการประชุมนัดไกล่เกลี่ยข้อพิพาททีพีไอโพลีน
20 ส.ค.นี้ เพื่อยืนยันการปล่อยเงินกู้ 750 ล้านเหรียญ หลังบ่ายเบี่ยงเข้าร่วม
อ้างความเป็นธนาคารของรัฐ ด้านเจ้าหนี้อยากเห็นข้อเสนอลูกหนี้ใกล้เคียงกับข้อเสนอของปูนกลาง
โดยไม่มีแฮร์คัตเงินกู้ต้น
วานนี้ (13 ส.ค.) ศาลล้มละลายกลางได้นัดไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างเจ้าหนี้ และบริษัท
ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) (TPIPL) ในฐานะลูกหนี้ สืบเนื่องจากการนัดไกล่เกลี่ยครั้งที่แล้ว
ศาลได้มอบหมายให้ลูกหนี้ประสานงานติดต่อตัวแทนธนาคารกรุงไทย มายืนยันการปล่อยสินเชื่อ
ให้ทีพีไอโพลีนจำนวน 750 ล้านเหรียญสหรัฐในการประชุมหารือครั้งนี้ แต่มีเพียงทนายความของแบงก์กรุงไทยมาสังเกตการณ์เท่านั้น
นายลือศักดิ์ กังวาลสกุล ที่ปรึกษากฎหมาย คณะกรรมการเจ้าหนี้ TPIPL กล่าวว่า
ทีพีไอโพลีน ได้ขอให้ศาลออกหมายเรียกนาย วิโรจน์ นวลแข กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย
จำกัด (มหาชน)(KTB) มายืนยันการเป็นแกนนำในการปล่อยเงินกู้เพื่อซื้อหนี้คืน โดยกำหนดวันประชุมนัดไกล่เกลี่ย
อีกครั้งในวันพุธ 20 ส.ค.นี้ ที่ศาลล้มละลายกลาง
เหตุผลที่ต้องขออำนาจศาลเรียกผู้บริหารธนาคารกรุงไทยครั้งนี้ เนื่องจากลูกหนี้ได้ให้เหตุผลที่นายวิโรจน์
ไม่สามารถมาได้ เนื่องจากธนาคารกรุงไทยเป็นแบงก์รัฐ ต้องมีเอกสารจากศาล จึงจะมาเดินทาง
มาร่วมประชุมฯชี้แจงได้
"ศาลเองก็อยากฟังจากกรุงไทยในการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกหนี้ เราเองก็ต้องการคำยืนยัน
รวมทั้งเงื่อนไขในการปล่อยสินเชื่อเพื่อใช้ในการพิจารณา ในฐานะที่แบงก์กรุงไทยเป็นแกนนำในการปล่อยเงินกู้ครั้งนี้
ซึ่งจะทำให้เจ้าหนี้มีความมั่นใจยิ่งขึ้น" นายลือศักดิ์กล่าว
หลังจากก่อนหน้านี้ คณะกรรมการเจ้าหนี้ได้ขอให้แบงก์กรุงไทยส่งตัวแทนมาหารือร่วมกันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
แต่ธนาคารกรุงไทยส่งตัวแทน ที่ไม่มีอำนาจในการตัดสินมาร่วมหารือ ทำให้เจ้าหนี้ยังไม่ได้รับคำยืนยันที่ชัดเจนได้
อย่างไรก็ตาม หากผู้บริหารแบงก์กรุงไทยมาร่วมในการประชุมนัดไกล่เกลี่ยพุธที่
20 ส.ค.นี้ เชื่อว่าแนวทางการแก้ปัญหาทีพีไอโพลีนมีความชัดเจนยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม
ศาลได้เปิดช่องว่างให้เจ้าหนี้ เจรจาต่อรองเรื่องการลดหนี้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องทำตามที่ลูกหนี้เสนอมาได้
คาดว่าในการประชุมไกล่เกลี่ยนัดหน้าจะมีความชัดเจนยิ่งขึ้น
ซึ่งคณะกรรมการเจ้าหนี้ อยากเห็นข้อเสนอที่ดีที่สุดจากทางลูกหนี้ หรืออาจเป็นข้อเสนอที่ใกล้เคียงกับข้อเสนอของบริษัท
ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน)(SCCC) เพื่อไม่ให้ข้อเสนอแตกต่างกันมากนัก
ก่อนหน้านี้ ทางปูนซีเมนต์นครหลวง แสดงความประสงค์ที่จะเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนทีพีไอโพลีน
โดยจะใส่เงินทุนประมาณ 375 ล้านเหรียญสหรัฐ แลกการถือหุ้นใหญ่ 75%ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
โดยจะชำระหนี้เงินต้นให้เจ้าหนี้แบบไม่มีการแฮร์คัต เว้นแต่ดอกเบี้ยจ่าย ผิดกับเงื่อนไข
ลูกหนี้ ที่เสนอขอแฮร์คัตหนี้เงินต้นถึง 200 ล้าน เหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 30%
ของหนี้เงินต้น 950 ล้านเหรียญสหรัฐ
คณะกรรมการเจ้าหนี้ เห็นว่าเงื่อนไขของปูนซีเมนต์นครหลวงดีกว่าเงื่อนไขของลูกหนี้มาก
อีกทั้งเงินที่นำมาชำระหนี้มาจากเงินทุน ทำให้ไม่มีต้นทุนทางการเงิน (ดอกเบี้ยจ่าย)
ผิดกับลูกหนี้ ที่อาศัยเงินกู้มาชำระคืนหนี้เดิม แล้วขอแฮร์คัตหนี้เงินต้นประมาณ
30%
สำหรับการเคลื่อนไหวราคาหุ้น TPIPL วานนี้ เปิดตลาดที่ 33.25 บาท ได้มีแรงเทขายทำกำไรออกมาก
ก่อนที่จะมีแรงซื้อดันราคาขึ้นไป แตะสูงสุดของวันที่ 34.00 บาท หลังจากนั้นนักลงทุนได้เทขายTPIPL
ออกมา เนื่องจากการประชุมนัดไกล่เกลี่ยครั้งนี้ ยังไม่มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหานี้ทีพีไอโพลีน
ปิดตลาดราคาหุ้นTPIPLไหลรูดอยู่ที่ 31.75 บาท ลดลง 1.25 บาท หรือเปลี่ยนแปลงลดลง
3.79% มูลค่าการซื้อขาย 213.77 ล้านบาท