|
แว่นกรุงไทยรีแบรนด์หวังขึ้นที่2
ผู้จัดการรายวัน(26 พฤศจิกายน 2551)
กลับสู่หน้าหลัก
นายชัชวาลย์ วณิชไพสิฐ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดบริษัท ดี-พลัส คอร์ปอเรชั่น จำกัด เจ้าร้านแว่นตาแบรนด์ แว่นตากรุงไทย-KT Optic เปิดเผยว่า ผลประกอบการ10เดือนที่ผ่านมามียอดการเติบโตอยู่ที่10%
เมื่อเทียบกับยอดขายในปีก่อนเติบโตมากกว่าเดิม 5% โดยสัดส่วนยอดขายในปัจจุบันของบริษัทฯแบ่งเป็นแว่นตาแฟชั่น 40% และแว่นสายตา 60%คาดว่าสิ้นปี2551จะปิดยอดที่16%ของมูลค่าตลาดรวม
ล่าสุดทางบริษัทฯได้ทุ่มงบ 50 ล้านบาทโดยแบ่งเป็นการรีโนเวทสาขาและการจัดทำสื่อ ซึ่งการรีแบรนด์ในครั้งนี้ เพื่อก้าวสู่ร้านที่แตกต่างกว่าร้านแว่นตาในท้องตลาด โดยการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของแว่นตากรุงไทย-KT Opticให้มีความทันสมัยโดยเน้นบรรยายกาศความเป็นประเทศที่อยู่ในเขตร้อนชื้น โดยใช้สีเขียวเป็นหลักของร้าน
ปัจจุบันทางบริษัทฯมีสาขา 180 สาขาทั่วประเทศ โดยทางบริษัทฯจะเริ่มทยอยรีโนเวทสาขา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอายุของแต่ละสาขา ซึ่งโดยปกติสาขาหนึ่งจะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 5ปี ซึ่งทางบริษัทฯก็จะรีโนเวทสาขาที่มีหมดอายุการใช้งานก่อน ส่วนบางสาขาที่เพิ่งเปิดให้บริการ 1-2 ปีก็จะเป็นการปรับเปลี่ยนตัวสาขาให้มีสีเขียวและการเปลี่ยนตัวป้ายหน้าร้าน โลโก้
สำหรับในปี2552ทางบริษัทฯมีแผนที่จะรีโนเวทสาขาตามห้างสรรพสินค้า 20 สาขา ได้แก่ โลตัส 15 สาขาและคาร์ฟูร์ 5 สาขา นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะเปิดสาขาใหม่ในต้นปี2552คือสาขา คาร์ฟูร์ เชียงใหม่ ,ร่มเกล้า และปัญญาวิลเลจ (งบ50 ล้านบาทไม่เกี่ยวกับการเปิดสาขาใหม่) โดยยอดเฉลี่ยการลงทุนต่อสาขาอยู่ที่ประมาณ 4 ล้านบาทต่อสาขา
กลุ่มเป้าหมายของทางบริษัทฯจะเป็นกลุ่มเป้าหมายทุกระดับ แต่กลุ่มที่ชัดเจนจะเป็นกลุ่มของนักศึกษาและคนวัยทำงาน ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการของทางบริษัทฯ แบ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่ซื้ออุปกรณ์เกี่ยวกับแว่นตา โดยเฉลี่ยประมาณ 2 สัปดาห์ต่อครั้ง และกลุ่มลูกค้าที่ตัดแว่นประมาณ 1ปีต่อครั้ง
นายชัชวาลย์ กล่าวว่า การรีแบรนด์ในสภาวะการเศรษฐกิจและการเมืองที่เป็นลบนี้ มองว่าเป็นการแข่งขันทางธุรกิจที่ได้เปรียบ เนื่องจากเมื่อมีการปรับเปลี่ยนก่อนก็ถือว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม มองว่าจากสถานะการณ์ดังกล่าว อาจจะส่งผลให้กำลังซื้อไม่แรง แต่มีกลุ่มลูกค้าใหม่และมีอัตราการเติบโตที่ อาจจะไม่ใช่อัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด แต่เป็นการเติบโตที่ไต่ระดับแบบเรื่อยๆ ซึ่งพฤติกรรมผู้บริโภคเฉลี่ยปกติต่อคนจะมีแว่นตา3 อันและความถี่อยู่ที่ 2ปีต่อการเปลี่ยนแว่นตาหนึ่งครั้ง
ส่วนเป้าหมาทางการตลาดในปี2552 ทางบริษัทฯคาดว่าจะเติบโตอีก10%จากเป้าหมายเดิมที่วางไว้ในปีนี้ เพื่อจะขึ้นเป็นอันดับสองภายในสิ้นปี2552 สำหรับการขยายสาขาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณปีละ 30 สาขาต่อปีและคาดว่าจะสามารถขยายสาขาได้ตามเป้าที่วางไว้ งบการตลาดในปี2552ทางบริษัทฯวางไว้ที่5% ของยอดขาย
สำหรับจุดแข็งของทางบริษัทฯอยู่ที่เรื่องของคุณภาพของสินค้าและการบริการของบุคลากร โดยในส่วนของสินค้าจะเน้นเรื่องคุณภาพและความทันสมัยเหมาะสมกับบุคลิกที่หลากหลาย โดยแว่นตาส่วนใหญ่ของทางบริษัทฯจะเป็นแว่นตาที่นำเข้าจากต่างประเทศ ทั้งหมด แบ่งเป็นยุโรป 50% ญี่ปุ่น 30% และฮ่องกง, ไต้หวันอีก20 %
ในเรื่องของบุคลากรทางบริษัทฯได้ร่วมมือกับทางบริษัทฯLuxottica Group ผู้ผลิตแว่นตาที่ใหญ่ที่สุดในโลก อบรมหลักสูตร Global Leader in Eyewear เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับบุคลากร
ปัจจุบันตลาดแว่นตามีมูลค่าประมาณ 5, 500 ล้านบาทแบ่งเป็นแว่นท็อปเจริญ 30% แว่นกรุงไทย-KT Optic16% บิวตี้ฟูล 18% หอแว่น 10% และอื่นๆซึงเป็นแว่นตาริเทลทั่วไปอีก 26%
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|