อาร์เอสกร่อยหลุดคลื่น94.5ปรับเกมลสู้ศึก-รับลูกค้าไซส์เล็ก


ผู้จัดการรายวัน(25 พฤศจิกายน 2551)



กลับสู่หน้าหลัก

สกาย-ไฮ อ้ำอึ้งเหตุย้ายคลื่นMAX 94.5 สู่บ้านหลังใหม่103 เอฟเอ็ม แย้มเพียงสัมปทานน่าจะลดลงตามเศรษฐกิจ มั่นใจลูกค้ายังเทเงินเช่นเดิม เชื่อปีหน้าวิทยุแข่งดุ เดินหน้าปรับกลยุทธ์กรำศึกวิทยุปีหน้า มุ่งเพิ่มแวลูแพ็กเก็จการขาย เน้นกิจกรรม เจาะกลุ่มลูกค้าไซส์เล็ก หวังรักษารายได้เท่าปีนี้

นายคมสันต์ เชษฐโชติศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สกาย-ไฮ เน็ตเวิร์ค จำกัด ในเครือ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนม.ค. 2552 เป็นต้นไป ทางบริษัทฯจะมีการเปลี่ยนสัมปทานคลื่น MAX 94.5 ไปอยูที่คลื่น 103 เอฟเอ็มแทน เนื่องจากระยะเวลาในการขอสัมปทานคลื่น 94.5 เอฟเอ็ม มีกำหนดครบ 2 ปีตามสัญญา ในเดือนธ.ค.นี้ เป็นต้นไป

ส่วนสัมปทานคลื่น 103 ใหม่นี้ ทางบริษัทฯได้ทำสัญญา 2 ปี เริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค.นี้เป็นต้นไป ส่วนคลื่นคูล 93 ฟาห์เรนไฮท์ยังเหลือสัญญาอีก 1 ปี กับทางจส.1 หรือจะหมดสัญญาในเดือนธค. 2552 นี้ ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้มีการต่อสัญญากับทางคลื่นเดิมนั้น ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ กล่าวได้ว่าภาพรวมสัมปทานวิทยุน่าจะปรับราคาลง ในภาวะเศรษฐกิจที่ทรงตัว

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการย้ายคลื่นMAX 94.5 ไปยังคลื่น 103 เอฟเอ็มครั้งนี้ ไม่น่ามีอะไรหนักใจ โดยเฉพาะในแง่ของการใช้จ่ายเงินของลูกค้าที่ซื้อโฆษณา เพราะก่อนหน้านี้ทางบริษัทฯเคยทำการย้ายคลื่นMAX จากเดิม 88.5 มาเป็น 94.5 เอฟเอ็ม โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนั้นไม่เกิดปัญหาแต่อย่างไร อีกทั้งบริษัทฯยังมีการแจ้งไปยังกลุ่มลูกค้าถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ล่วงหน้าด้วย จึงมั่นใจว่าลูกค้ายังพร้อมใช้เงินโฆษณากับทางคลื่น MAX อยู่ ขณะที่ฐานผู้ฟังของคลื่นMAX มีกว่า 2.5-3 แสนคน

นายคมสันต์ กล่าวต่อว่า ภาพรวมวิทยุปีหน้า มองว่าจะแข่งขันรุนแรงไม่ต่างจากปีนี้ ส่วนในแง่ภาพรวมธุรกิจนั้นเชื่อว่าจะทรงตัวหรือเติบโตเพียงเล็กน้อยจาก 6.3-6.4 พันล้านบาท กลุ่มคลื่นวิทยุที่จับผู้ฟังกลุ่มแมสและผู้ใหญ่ยังไปได้อยู่ ส่วนคลื่นกีฬาและข่าว เชื่อว่าทรงตัวแล้ว อีกทั้งมองว่าผู้ฟังส่วนใหญ่จะหันมารับสื่อจากโทรทัศน์มากกว่า

สำหรับสกาย-ไฮนั้น ได้มีการปรับแผนกลยุทธ์รับมือธุรกิจไว้หลายข้อ โดยเฉพาะเรื่องของการเจาะฐานลูกค้าใหม่ กล่าวคือ ปีหน้าจะมุ่งเพิ่มฐานลูกค้าขนาดเล็กมากยิ่งขึ้น เพราะเชื่อว่าจะเป็นกลุ่มที่ยังมีเม็ดเงินสำหรับทำการตลาดอยู่ ขณะที่ลูกค้าขนาดใหญ่อาจจะมีการตัดงบโฆษณาลงบ้าง โดยเฉพาะกลุ่มคอนซูเมอร์โปรดักส์ เชื่อว่ากลุ่มลูกค้าใหม่นี้จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ประมาณ 10% จากลูกค้าทั้งหมด นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการปรับวิธีการทำตลาด เพิ่มกิจกรรม รวมไปถึงเรื่องของการเพิ่มมูลค่าให้กับแพ็กเกจการขายโฆษณาด้วย

ปัจจุบันพบว่าลูกค้ามีการปรับแผนการใช้เงินโฆษณาแบบระยาวปีต่อปี มาเป็นแบบระยะสั้นมากยิ่งขึ้น ทางบริษัทฯเองถึงแม้ว่าจะมีการวางแผนการดำเนินงานแบบปีต่อปี ก็ต้องระมัดระวังตัวและปรับการทำงานรับสถานการณ์ในทุกๆเดือนเช่นเดียวกัน ขณะที่ลูกค้าที่ยังใช้แผนโฆษณาระยะยาวกับบริษัทฯอยู่ยังมีกว่า 40-50% ส่วนระยะสั้นมีเพิ่มมากขึ้นในสัดส่วนใกล้เคียงกัน ส่งผลให้มีการเจาะกลุ่มลูกค้าบริษัทขนาดเล็กทดแทน

ทั้งนี้ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯมีรายได้กว่า 320 ล้านบาท กำไรกว่า 20% สิ้นปีนี้คาดว่าจะมีรายได้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ 350 ล้านบาท ภายใต้งบการตลาด 30% จากรายได้รวมที่วางไว้ ส่วนแผนรายได้ในปีหน้านั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.