ฝ่าวิกฤติเชนไทย ปรับทัพรับศึกปี 2009


ผู้จัดการรายสัปดาห์(24 พฤศจิกายน 2551)



กลับสู่หน้าหลัก

ผลกระทบจากปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศไทยและต่างประเทศทำให้ธุรกิจโรงแรมในปี 2552 โดยเฉพาะโรงแรมระดับ 5 ดาวมีการคาดว่าธุรกิจไม่ทรงก็ทรุด เนื่องจากนักท่องเที่ยวปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเข้าพักโรงแรมในระดับ 3-4 ดาวแทนเหตุผลก็เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ส่งผลทำให้ผู้ประกอบการโรงแรมระดับ 5 ดาวต้องเร่งปรับตัวอย่างเห็นได้ชัด

ล่าสุด การขยับตัวของสองยักษ์ใหญ่อย่าง เครือดุสิตธานี และเครือเซนทารา เชนไทยที่รับจ้างบริหารธุรกิจโรงแรม เริ่มมีการปรับแผนขยายธุรกิจโดยลดการลงทุนลง พร้อมกับหันไปให้ความสำคัญกับการรับจ้างบริหารธุรกิจโรงแรมทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้นเนื่องจากแนวทางดังกล่าวสามารถกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจได้รวดเร็วกว่าการลงทุนเองและเกิดความเสี่ยงน้อยที่สุด

ปัจจุบันจะเห็นได้ว่ากลุ่มของเซนทารา เริ่มให้ความสำคัญกับโรงแรมในระดับกลางมากขึ้น เพราะด้วยมาตรฐานการให้บริการของตลาดโรงแรมระดับ 3 ดาวทั้งในและต่างประเทศที่มีความโดดเด่นไม่แพ้โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว กอปรกับจุดขายด้านราคาที่ถูกกว่าส่งผลให้ตลาดธุรกิจโรงแรม 3 ดาวในปีหน้ากำลังเข้าสู่ยุคเฟื่องฟูอีกครั้ง การเลือกใช้โรงแรมในระดับ 3 ดาวในประเทศไทยจึงเป็นเทรนด์ที่นักท่องเที่ยวจะเข้าใช้บริการมากในปีหน้า

สอดคล้องกับที่ มร.เกิร์ด สตีบ กรรมการผู้จัดการใหญ่ โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา บอกว่าแม้แต่ตลาดต่างประเทศก็มีแนวโน้มดีขึ้นโดยเฉพาะโรงแรม 3 ดาวที่อินเดียที่มีอัตราค่าห้องพักสูงต่อคืนประมาณกว่า 300 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 10,000 บาทแต่ก็ยังถูกกว่าโรงแรมระดับ 4-5 ดาวหลายเท่า

สำหรับประเทศไทยการลงมาจับตลาดโรงแรมระดับกลางของค่าย เซนทารา สะท้อนให้เห็นว่า ปัจจุบันการแข่งขันในธุรกิจโรงแรมเริ่มมีปัจจัยหลายด้านที่ส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการของกลุ่มโรงแรมในระดับเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมระดับ 3 ดาวเองที่ต้องการดึงลูกค้าต่างชาติให้เข้าใช้บริการ หรือแม้แต่โรงแรมระดับ 5 ดาวที่เจ้าของเป็นคนไทยต้องการมืออาชีพเข้าไปบริหาร แต่ด้วยศักยภาพด้านการตลาดและการลงทุนของโรงแรม 3 ดาวยังคงไม่สอดคล้องกับการทำงานเท่าไรนัก สาเหตุน่าจะเกิดจากปัญหาหลักของผู้ประกอบการกลุ่มนี้คือ แหล่งเงินกู้ เพราะ สถาบันการเงินจะเข้มงวดเรื่องการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น การร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับค่ายยักษ์ใหญ่โดยใช้ประโยชน์จากใช้ชื่อเสียงของ เซ็นทรัลกรุ๊ป และ กลุ่มโรงแรมเซนทารา ช่วยการันตีให้จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ผู้ประกอบการโรงแรมระดับกลางต่างมองหา

อย่างไรก็ตาม วิกฤตการเงินในสหรัฐที่ลุกลามไปในหลายประเทศทั่วโลก ส่งผลกระทบแก่ธุรกิจโรงแรมด้วย ขณะที่ผู้คนยังคงเดินทางท่องเที่ยว และติดต่อธุรกิจ โดยเน้นเรื่องของการลดค่าใช้จ่ายในส่วนของโรงแรมที่พัก และ ค่าพาหนะ เห็นได้จาก ธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำที่เติบโตดี ดังนั้นในส่วนของโรงแรมมีความเป็นไปได้ ที่นักท่องเที่ยว จะปรับลดจากที่เคยพัก ระดับ 4-5 ดาว ลงมาอยู่ที่ 3-4 ดาว เช่นกัน

"ทางโรงแรมจึงเห็นดีมานด์ของลูกค้าตลาดโรงแรม ระดับ 3-4 ดาว พร้อมโอกาสที่จะขยายแบรนด์ของเซ็นทารา"มร.เกิร์ด สตีบ กล่าว

ขณะที่ยุทธศาสตร์การเดินทางของธุรกิจเครือดุสิต กลับรุกคืบเร็วขึ้น แต่ก็ไม่ละเลยที่จะระแวดระวังตัวมากขึ้นจนกลายเป็น 3 แนวทางในการฝ่าวิกฤติด้วย การลดต้นทุนพร้อมกับเดินหน้าเจาะตลาดต่างประเทศ และทำการตลาดโฆษณาอย่างต่อเนื่อง

แม้ว่าตลาดธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยจะมีการแข่งขันที่เข้มข้น แต่ มร.ออคตาวิโอ กามาร์รา รองประธานอาวุโส เครือโรงแรมดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล กลับพุ่งเป้าไปที่ตลาดต่างประเทศที่เชื่อว่า เป็นแผนการที่เข้าทางเครือดุสิตมากที่สุดในขณะนี้ นอกเหนือจากตะวันออกกลางที่มีแผนเข้าไปบริหารให้อีก 4 แห่งในอนาคตอันใกล้พร้อมกับรุกตลาดใหม่ทั้ง จีน อินเดีย ไปจนถึงแอฟริกา และเมืองสำคัญของโลก อาทิ อังกฤษ อิตาลี เยอรมัน ฝรั่งเศส ในเมืองที่สำคัญเช่น ปารีส มิวนิก แฟรงค์เฟิร์ท อีกด้วย

การสร้างแบรนด์ดุสิตให้เข้าไปอยู่ในเมืองใหญ่ได้และสามารถใช้โอกาสนั้นทำให้แบรนด์ดุสิต เป็นที่รู้จักในตลาดโลกได้ง่ายขึ้น ดังนั้นการมองหาโอกาสที่จะเอาแบรนด์โรงแรมไทยออกไปสู่ตลาดใหญ่ได้รู้จักความเป็นไทยมากขึ้นจึงจำเป็นต้องใช้เวลา

การมองหาการลงทุนอีกครั้งในรอบ 2-3 ปีข้างหน้าของเชน ดุสิต ธานี ว่ากันว่าหากมีโรงแรมหรืออสังหาริมทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศราคาถูกออกมาสู่ตลาด ศักยภาพของเชนเครือดุสิตในการจัดสรรงบประมาณเพื่อลงทุนซื้อก็พร้อมที่จะแลกกับความคุ้มค่าในเวลานี้ ด้วยกระแสเงินสดที่มีอยู่เป็นหลัก

จะเห็นได้ว่า การร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ของเชน ดุสิต ธานี เพื่อขยายการลงทุนในรูปแบบการรับจ้างบริหารและการทำการตลาดยังคงมีออกมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด มีการร่วมกับพันธมิตรอีก 3-4 ราย และมีเป้าหมายที่จะขยายโรงแรมในเครือ จาก 19 แห่งในปัจจุบัน เป็น 30 แห่งภายในปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้าอีกด้วย

การวางเป้าหมายเพื่อบริหารจัดการในธุรกิจให้บริการของเชนไทยนอกจากนี้ กลุ่มของเซนทารายังมีแผนเข้าไปรับบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ เนื่องจากสามารถกระตุ้นรายได้เติบโตได้อย่างดี ขณะที่การลงทุนพัฒนาโครงการเองในอนาคตปรับตัวลดลง โดยภายในปี 2553 คาดว่าจะมีการบริหารโครงการทั้งโรงแรมอสังหาริมทรัพย์รูปแบบเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ไม่ต่ำกว่า 8 แห่ง จากปัจจุบัน 3 แห่ง

ทั้งนี้ ภายในปี 2553 บริษัทตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากโรงแรมในเครือ 65% และการรับบริหารอีก 35% อย่างไรก็ตาม การขยายธุรกิจเข้าไปรับบริหารโรงแรมระดับ 3-4 ดาว และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ทำให้บริษัทต้องสร้าง 2 แบรนด์ใหม่ โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาแบรนด์

ขณะที่การรับบริหารโรงแรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ภายใต้แบรนด์เซนทาราจะทำ ในรูปแบบ ร่วมลงทุนและบริหาร หรือ รับบริหารเพียงอย่างเดียว ขึ้นอยู่กับข้อตกลง ในประเทศเน้นลงทุนในที่ดินที่มีอยู่ เช่น เกาะลันตา ระยอง หัวหิน ล่าสุด ตัดสินใจลงทุนที่เกาะลันตา ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบ เริ่มก่อสร้างปีหน้า

"ปัจจุบันมีโรงแรมที่เซ็นสัญญาให้เซ็นทารา เข้าไปบริหารแล้ว 2 แห่ง คือ เซ็นทาราลานดารา เกาะสมุย และ เซ็นทารารีสอร์ท ปราณบุรี ส่วนในต่างประเทศ ได้ร่วมลงทุนและรับบริหารโรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ ไอซ์แลนด์ รีสอร์ต แอนด์ สปา ที่เกาะมัลดีฟ คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ปีหน้า และอยู่ระหว่างเจรจากับโรงแรมที่ดูไบด้วย ปัจจุบัน เซ็นทารามีโรงแรมทั้งหมด 18 แห่งกระจายในกรุงเทพและเมืองเศรษฐกิจท่องเที่ยว ในที่นี้เป็นโรงแรมที่รับบริหาร 2 แห่ง ดังกล่าวข้างต้น แผน 5 ปี ภายในปี 2553 ตั้งเป้ามีโรงแรมทั้งของตัวเองและที่รับบริหารรวม 25 แห่ง แต่มีความเป็นไปได้ที่จะได้มากกว่านั้น"มร.เกิร์ด สตีบ กล่าว

หรือแม้แต่เชนเครือโรงแรมดุสิต ธานี เอง ยังคงด้วยเอกลักษณ์ความเป็นไทย ทำให้เครือดุสิตต้องการสร้างแบรนด์ให้คงความเป็นเอกลักษณ์ ทั้ง ดุสิตธานี ดุสิต เรสซิเด้นท์ ดุสิต ดีทู เทวารัณย์ สปา ดุสิต ปริ้นเซส อีกทั้งยังได้เพิ่มกลยุทธ์ในการบริการ ด้วยการสร้างสรรค์โปรโมชั่นต่างๆออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อขับเคลื่อนการตลาดให้มียอดผู้เข้าใช้บริการเพิ่มขึ้นนั่นเอง

ล่าสุด เตรียมเปิดตัว โรงแรมดุสิตธานี เลควิว ไคโร ประเทศอียิปต์ อย่างเป็นทางการ 1 ม.ค.2552 และเป็นโรงแรมแห่งแรกในเครือ ที่ไปเปิดให้บริการในทวีปแอฟริกา เน้นเจาะนักท่องเที่ยวกลุ่มยุโรป ที่เดินทางมาจาก ปารีส มิวนิก และ แฟรงก์เฟิร์ต คาดว่าจะมีอัตราการสำรองห้องพักโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิต สูงถึง 40% จองยอดรวม แบ่งเป็นลูกค้าตลาดอังกฤษ 11% และประเทศอื่นในยุโรป 29% ซึ่งสร้างรายได้ให้กับเครือดุสิต 45% ของรายได้รวม


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.