|
แอลจีสวนศก.เพิ่มผลิตแอลซีดี งัดกลยุทธ์ขายพ่วงกระตุ้นยอด
ผู้จัดการรายวัน(20 พฤศจิกายน 2551)
กลับสู่หน้าหลัก
นายเฮียน วู (ฮาเวิร์ด) ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจโยรวมทั้งในประเทศและต่างประเทศกำลังอยู่ในภาวะซบเซา แต่ในแง่การส่งออกแล้ว ขณะนี้ยังไม่มีออเดอร์การสั่งซื้อสินค้าลดลง ขณะเดียวกันบริษัทฯยังมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของจอภาพอีก 7-10% รองรับตลาดต่างประเทศใน 3 ประเทศเพื่อนบ้านด้วย หลังพบมีความต้องการเพิ่มขึ้นทุกเดือน
สำหรับการส่งออกในต่างประเทศนั้น เดิมในส่วนของโรงงานที่จังหวัดระยอง จะส่งออกผลิตภัณฑ์อยู่ 3 กลุ่มหลัก คือ จอภาพ เครื่องซักผ้า และเครื่องปรับอากาศ ในกลุ่มประเทศเซาส์อีสเอเชีย อาฟต้า ตะวันออกกลาง และเซาส์อเมริกา โดยได้เพิ่มการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศอื่นๆเพิ่มขึ้น เช่น ประเทศผู้ค้าน้ำมันในแถบตะวันออกกลางมากขึ้น รวมไปถึงเซาส์อาฟริกา
ขณะเดียวกันตลาดในประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มจอภาพ จากแผนที่จะมีการเพิ่มกำลังผลิตโดยรวมอีก 7-10% ในปีหน้านั้น 90% จะผลิตเพื่อรองรับตลาดในประเทศ และอีก 10% จะเป็นการส่งออก โดยความต้องการในประเทศนั้น ปีนี้ผลิตแอลซีดีทีวีประมาณ 1 แสนเครื่อง ปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มเป็น 1.3-1.4 แสนเครื่อง ส่วนพลาสม่าทีวี ปีนี้มีการผลิตที่ 1 แสนเครื่อง ปีหน้าจะเพิ่มเป็น 1.5 แสนเครื่องใกล้เคียงกัน
ทั้งนี้บริษัทฯจะเน้นการผลิตที่เป็นเทคโนโลยีฟูลเอชดีมากขึ้น คาดว่าช่วงครึ่งปีหลังในปีหน้าบริษัทฯจะหันมาทำตลาดจอภาพเป็นฟูลเอชดีทั้งหทมด และจะเลิกผลิตจอภาพแอลซีดีทีวี และพลาสม่าทีวีแบบธรรมดาลง ส่วนสาเหตุที่หันมารุกตลาดนี้มากขึ้น เนื่องจากพบว่าสินค้ากลุ่มดังกล่าวอัตราการเติบโตที่น่าสนใจ
ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา สำหรับตลาดรวมแอลซีดีทีวี สินค้าที่อยู่ในระดับฟูลเอชดีมีส่วนแบ่งตลาดกว่า 10% ซึ่งมีโซนี่ครองส่วนแบ่งทางการตลาดทั้งในแง่มูลค่าและจำนวนมากสุดถึง 42% อันดับสอง คือ ซัมซุง 25% 3.ฟิลิปส์ 15% และ4.แอลจี 5% สิ้นปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 15% จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ ขณะที่กลุ่มพลาสม่าทีวีที่เป็นฟูลเอชดี มีส่วนแบ่ง3% จากตลาดพลาสม่ารวม โดยมีแอลจีเป็นอันดับ1 มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ 41% ซัมซุง 29% พานาโซนิค 28% ส่วนในแง่มูลค่า แอลจีและซัมซุงครองส่วนแบ่งเท่ากันที่ 33% รองลงมาคือ พานาโซนิค 29% ทั้งนี้คาดว่าจากที่ผู้ประกอบการหันมารุกตลาดนี้มากขึ้น ปีหน้าสัดส่วนฟูลเอชดีจะมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นอย่างน้อยอีกเท่าตัว
ล่าสุดบริษัทฯได้มีการเปิดตัวสินค้าหมวดจอภาพถึง 18 รุ่น เพื่อทำตลาดในช่วงนี้ ซึ่งเป็นสินค้าในกลุ่มไฮเอนด์ ด้วยเทคโนโลยีฟูลเฮชดี ทั้งฟูลเอชดีแอลซีดีทีวี และฟูลเอชดีพลาสม่าทีวี โดยในส่วนฟูลเฮชดีพลาสม่าทีวีนั้น ถือเป็นครั้งแรกที่เข้ามาทำตลาดฟูลเอชดี ขณะที่ฟูลเอชดีทีวีหลังการเปิดตัวครั้งนี้ จะทำให้สินค้ากลุ่มฟูลเอชดีมีสัดส่วนเป็น 50% ของแอลซีดีทั้งหมด
นอกจากนี้บริษัทฯได้เพิ่มงบการตลาดอีกกว่า 20 ล้านบาท จากงบการตลาดเดิมที่จะใช้ทำตลาดเอวีทั้งปีที่ 80 ล้านบาท สำหรับการจัดแคมเปญ "LG Full HD World,Full Enjoyment" โดยการจัดชุดทีวี, โฮมเธียเตอร์,เครื่องเล่นบลู-เรย์ เจาะกลุ่มลูกค้าพรีเมี่ยม โดยลดราคาสูงสุดถึง 30% มั่นใจว่าจากปผนการตลาดในโค้งสุดท้าย จะทำให้ภาพรวมรายได้บริษัทฯอยู่ที่ 14,000 ล้านบาท ตามแผนที่วางไว้ ส่วนปีหน้าคาดว่าจะเติบโตได้อย่างน้อย 10%
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กลยุทธ์ขายพ่วงดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกของแอลจีที่หันมาทำอย่างจริงจัง และมีการส่วนลดสูงสุด30% ขณะที่ก่อนหน้านี้ทางโซนี่ก็ได้ประกาศใช้กลยุทธ์ขายพ่วงในแคมเปญ Let's Color เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อสินค้าแบบพ่วงดังกล่าว โดยทั้งสองค่ายมองว่ากลยุทธ์ขายพ่วงนี้ ถือเป็นกลยุทธ์ที่จะช่วยกระตุ้นการขายได้ในภาวะเศรษฐกิจซบเซา
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|