CPFพลิกฟื้นทำกำไร900ล้าน ลั่นครึ่งปีหลังนี้โตก้าวกระโดด


ผู้จัดการรายวัน(11 สิงหาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

"เจริญโภคภัณฑ์อาหาร"พลิกฟื้นทำกำไรไตรมาส 2 ประมาณ 900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่แล้ว 209% ด้วยยอดขายถึง 20,460 ล้านบาท เนื่องจากราคาไก่พุ่ง และอียูเลิกตรวจเข้มไก่ส่งออกจากไทย 100% ล่าสุดไต้หวันหันมาสั่งซื้อไก่จากไทยครั้งแรกรอบ 5 ปี คาดแนวโน้มครึ่งปีหลังเติบโตแบบก้าวกระโดด บอร์ดบริษัทฯ ประกาศจ่ายปันผลทันที 5 กันยา หุ้นละ 5 สตางค์

นายอดิเรก ศรีประทักษ์ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2546 ว่า บริษัทมียอดขาย 20,460 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 900.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 892.61 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นถึง 209% เมื่อเทียบจากไตรมาส 1 ปีนี้ที่มีผลขาดทุน 826.21 ล้านบาท

เป็นผลสืบเนื่องมาจากการเติบโตของยอดขาย โดยเฉพาะธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ และการส่งออกเนื้อไก่และกุ้ง ประกอบกับการบริหารต้นทุนการผลิต ในธุรกิจสายสัตว์บกและสายสัตว์น้ำก็เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อัตราทำกำไรขั้นต้นจึงสูงขึ้นเป็น 13% จาก 6% ในไตรมาสแรก

ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัทฯ อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จากกำไรสะสมของบริษัท ในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท โดยให้จ่ายเงินปันผลดังกล่าวทั้งจำนวนจากกำไรของกิจการที่ไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น เพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 22 สิงหาคม 2546 เวลา 12.00 น. และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 5 กันยายน 2546

นายอดิเรก กล่าวว่า ปัจจัยบวกที่ส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 2 มีอยู่ด้วยกันหลาย ประการไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนของราคาเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะไก่เนื้อมีชีวิต ณ หน้าฟาร์มที่เริ่มฟื้นตัวจากระดับราคา ในไตรมาส 1 โดยปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากราคากิโลกรัมละ 19-20 บาท มาเป็นราคาประมาณ 31-32 บาทในไตรมาส 2

รวมถึงปริมาณการส่งออกไก่ที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ราว 9% หรือเพิ่ม ขึ้นประมาณ 18% จากระยะเดียวกันของ ปีที่ผ่านมาโดยมีสหภาพยุโรปเป็นตลาดหลัก ประการต่อมาคือการส่งออกกุ้งที่เพิ่มจากไตรมาส 1 ถึง 27% ในทุกตลาด โดยมีสหรัฐฯเป็นตลาดหลัก นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกด้านต้นทุนการเงิน ที่ ลดลงจาก 5.5% เมื่อปลายปี 45 มาเป็น 4.2% ซึ่งเกิดจากการบริหารจัดการอย่าง มีประสิทธิภาพของบริษัท

"ความเชื่อมั่นในคุณภาพเนื้อไก่-กุ้งส่งออกจากประเทศไทยมีมากขึ้น จะเห็นได้จากการที่อียูประกาศยกเลิกการตรวจเข้ม 100% ขณะเดียวกันยังได้รับอานิสงส์จากโรคซาร์สและไข้หวัดนก ด้านตลาดญี่ปุ่นก็มีการสั่งซื้อเพิ่มขึ้น และล่าสุดไต้หวันก็มีคำสั่งซื้อเนื้อไก่ไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี ทำ ให้ราคาเนื้อไก่ส่งออกปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น มาตลอด และน่าจะได้ราคาดีเช่นนี้ไปจนถึงสิ้นปี ด้านอุตสาหกรรมกุ้งก็มีแนวโน้ม ที่จะฟื้นตัวขึ้นอีก 10% นอกจากนี้ ต้นทุนการผลิตก็น่าจะต่ำลง เนื่องจากราคาข้าว โพดและถั่วเหลืองในตลาดโลกอ่อนตัว ทั้งหมดจะส่งผลดีต่อผลประกอบการของซีพีเอฟในครึ่งปีหลัง"

นายอดิเรกกล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ รับทราบการเข้าทำสัญญาเช่าทรัพย์สินโรงงานทำอาหารสัตว์ของ Hainan Chia Tai Animal Husbandry Co., Ltd. โดย C.P. Aquaculture (Hainan) Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ CPF ในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน

CPH จะเข้าทำสัญญาเช่าโรงงาน อาหารสัตว์ พร้อมเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งตั้งอยู่ ณ เมือง Cheng Mai มณฑล Hainan ประเทศจีน บนเนื้อที่ประมาณ 40 ไร่ จาก HCT มี กำหนดเวลา 5 ปี โดย CPH จะต้องจ่ายค่าตอบแทนในการเช่าทรัพย์สินให้แก่ HCT ประมาณ 129 ล้านบาท โดย อัตราค่าเช่านี้อ้างอิงจากการประเมินราคาของผู้ประเมินราคาอิสระ

นอกจากนี้ บอร์ดบริษัทฯ ได้อนุมัติการเข้าทำข้อตกลงกับบริษัท อินโฟเทควิชั่น จำกัด (IFT) เพื่อการใช้ระบบงานบริหารทรัพยากรบุคคล สำหรับพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อยจำนวน 8 พันคน ภายในกำหนดระยะเวลา 3ปี โดยบริษัทจะจ่ายค่าตอบ แทนที่เรียกเก็บครั้งเดียวเมื่อเข้าใช้ระบบเป็นครั้งแรกเป็นเงิน 39 ล้านบาท และค่าตอบแทนรายปีอัตรา 240 บาท/คน คิดเป็นวงเงินปีละ 19 ล้านบาท

ทั้งนี้ IFT มีความสัมพันธ์ในลักษณะที่เกี่ยวโยงกันกับ CPF จากการ ที่ต่างฝ่ายต่างมีบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.