เครดิตเรตติ้ง R&I จากญี่ปุ่น ปรับเพิ่มเครดิตตราสารหนี้ระยะยาวไทยเป็น BBB+
ระบุ การบริหารของรัฐบาลไทย ส่งผลเกิดการขยายตัวเศรษฐกิจในประเทศต่อเนื่อง ตลอดจนปรับโครงสร้างเศรษฐกิจมีเสถียรภาพมากขึ้น
รวมทั้งระดับหนี้สาธารณะลดลง แต่แนะไทยควรขยายฐานภาษี เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายด้านสังคมเพิ่ม
ติงการปล่อยสินเชื่อแบงก์เอกชน ให้ภาคธุรกิจยังไม่ฟื้น แนะไทยเร่งปรับการแข่งขันเพิ่ม
ไม่งั้นนักลงทุนยุ่นมีสิทธิซบปักกิ่งเพิ่ม คลังเตรียมออก บาทบอนด์ขายในเอเซียนบอนด์ฟันด์
ขณะที่คลังคาด S&P จากแดนมะกัน จะใช้เวลาตัดสินใจปรับเรตติ้งไทยเพิ่มอีกประมาณ
2 เดือน ส่วนฟิตช์ อิบคา จากอังกฤษ เตรียมเดินทางเก็บข้อมูลในไทยสิ้นเดือนนี้ ขณะที่มูดี้ส์
อีกเจ้าแดนมะกัน คาดเข้ามาใหม่ภายในปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า "สำนักบริหารหนี้สาธารณะ"
มั่นใจ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ผ่านมา น่าพอใจ หลังเศรษฐกิจประเทศขยายตัวต่อเนื่อง 3
ไตรมาส
นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง เปิดเผยวานนี้
(7 ส.ค.)ว่าภายในปลายเดือนนี้ตัว แทนสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือฟิตช์ อิบคา
จากอังกฤษ จะเดินทางเก็บข้อมูลเศรษฐกิจในประเทศไทย ก่อนประเมินผลเพื่อปรับอัน
ดับความน่าเชื่อถือไทย
ขณะที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P)จากแดนมะกัน
คาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 1-2 เดือน ก่อนจะประกาศเป็นทางการ ส่วนตัวแทนมูดี้ส์
เพื่อนร่วมชาติมะกัน เดินทางเข้ามาแล้วต้นปีนี้ ซึ่งอาจกลับมาใหม่อีกครั้งภายในปลายปีนี้
หรือต้นปีหน้า
"แนวโน้มที่สถาบันเหล่านี้ จะปรับเครดิตของเราหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละที่
โดยจะพิจารณาจากความต่อเนื่องของภาวะเศรษฐกิจในประเทศเราเป็นหลัก ซึ่งจากการชี้แจงข้อมูลในช่วงที่ผ่านมานั้น
เศรษฐกิจของประเทศไทยขยายตัวต่อเนื่อง มาตลอดในช่วง 3 ไตรมาส" นางพรรณีกล่าว
อย่างไรก็ตาม สถาบันจัดอันดับเครดิตต่างประเทศเหล่านี้ ยังห่วงปัญหาการเงิน และสถาบันการเงินในประเทศ
ซึ่งยังคงมีปัญหามาก โดยเฉพาะการอัดฉีดเงินเข้าสู่ภาคธุรกิจแท้จริงยังคงมีน้อย
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องดังกล่าว
อันดับความน่าเชื่อถือจากสถาบัน 3 แห่ง คือ เอสแอนด์พี มูดี้ส์ และ ฟิตช์ อิบคา
ยังคงจัดอันดับ ตราสารหนี้ระยะยาวของประเทศไทย BBB-
R&I เพิ่มเครดิตตราสารหนี้ระยะยาวไทย
นางพรรณี เปิดเผยวานนี้ว่า บริษัท Japan Rating & Investment Information,
Inc. (R&I) ประกาศผลวิเคราะห์เครดิตประเทศไทย โดยคณะกรรมการจัดระดับเครดิต
(Rating Committee) ปรับเพิ่มระดับเครดิตตราสารหนี้ ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ
( Foreign Currency Long Term Credit Rating ) จาก BBB เป็น BBB+ โดยมีแนวโน้มเครดิตระดับมีเสถียรภาพ
(Stable Outlook) ยืนยันระดับเครดิตตราสารหนี้ระยะสั้นสกุลเงินต่างประเทศ a-2
R&I ให้เหตุผลปรับเพิ่มระดับเครดิตดังกล่าว จากการดำเนินนโยบายกระตุ้นอุปสงค์ในไทย
ภายใต้การบริหารของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ส่งผลเกิดการขยายตัวเศรษฐกิจในประเทศอย่างรวดเร็ว
เก็บรายได้ของภาครัฐสูงขึ้นมาก หนี้สาธารณะลดลงเห็นได้ชัด และระบบการเงินประเทศมีเสถียรภาพ
R&I เชื่อว่าการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ทำให้เศรษฐกิจไทยมีเสถียรภาพมากขึ้น
ปัจจัยภายนอกจะมีผลน้อยลง อีกทั้งเสถียรภาพการเมือง ทำให้การดำเนินนโยบายมีประสิทธิภาพ
ประเทศไทย ยังเกินดุลบัญชีเดินสะพัดต่อเนื่อง และพัฒนาตลาดตราสารหนี้ ซึ่งช่วยส่งเสริมการกู้เงินภายในประเทศ
และทำให้การก่อหนี้ต่างประเทศลดลง
แนะขยายฐานภาษี-เพิ่มความสามารถแข่งขัน
R&I ให้ความเห็นว่า ไทยควรขยายฐานภาษี เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายด้านสังคมที่เพิ่มขึ้น
เช่น ระบบประกันสังคม ส่วนการขจัดหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ระบบสถาบันการเงินไทย
ถือว่าเกือบสมบูรณ์ แล้ว
แต่การปล่อยสินเชื่อธนาคารเอกชนให้ภาคธุรกิจ ยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร R&I
ให้ข้อสังเกตว่า รายได้เฉลี่ยต่อหัวของไทย ประมาณ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ยังค่อนข้างต่ำ
เมื่อเทียบกับมาเลเซีย เพราะขาดอุตสาหกรรมก่อเกิดมูลค่าเพิ่มสูง ดังนั้นระยะยาว
การลงทุนจากต่างประเทศ เช่น จากญี่ปุ่นจะกระจุกตัวที่จีน หากไม่เร่งเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน
"กระทรวงการคลังเห็นว่า การปรับระดับเครดิตโดย R&I ครั้งนี้ จะทำให้นักลงทุนในตลาด
เงินทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะนักลงทุนญี่ปุ่น มีความเชื่อมั่นในเครดิตของประเทศไทยสูงขึ้น
อย่างไรก็ดี จะไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงต้นทุนการกู้เงินในตลาดเงินทุนต่างประเทศ
เพราะอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ของประเทศไทยจะอยู่ในระดับที่ดีกว่าระดับเครดิตที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน"
นางพรรณีกล่าว
คลังเตรียมออกบาทบอนด์ขายในเอเซียนบอนด์ ฟันด์
นางพรรณีกล่าวว่า รัฐบาลมีแนวคิดจะออกตราสารหนี้สกุลเงินบาท เพื่อเสนอขายเอเซียน
บอนด์ ฟันด์ ความเป็นไปได้ อาจกู้เพื่อชดเชยความ เสียหายกองทุนฟื้นฟูฯ ส่วนระยะเวลาแน่นอน
ขึ้น กับการประชุมผู้นำกองทุนฯนี้ ว่าจะมีความคิดเห็น เช่นไร