"สวนอุตสาหกรรมโรจนะ" บุกทำนิคมอุตสาหกรรมที่ฉางโจว ประเทศจีน 5,500
ไร่ภายใน 10ปี มูลค่า 5,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มเฟสแรกต้นปีหน้า 500 ไร่ ระบุการลงทุนครั้งนี้ถือเป็นการเพิ่มศักยภาพ
และเพิ่มช่องทางเลือกให้ลูกค้า มั่นใจบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากการขายที่ดินฯ ต้นปีหน้า
ส่วนผลประกอบการสิ้นปีนี้โกยกำไร 350 ล้านบาท
วานนี้ (7 ส.ค.) บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) แถลงเปิดตัวนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ
ฉางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งบริษัทจะลงนามสัญญารับสิทธิพัฒนาที่ดินกับคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ
ตำบลจงโหลว เมืองฉางโจว ในวันนี้
นายจิระพงษ์ วินิชบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน)
กล่าวว่า การตัดสินใจเข้าไปพัฒนาที่ดินเป็นนิคมอุตสาหกรรม ในเขตฉางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน
ถือเป็นการเพิ่มศักยภาพของบริษัทฯ เนื่องจากมีนิคมฯเพิ่มขึ้นอีกแห่งที่จีน นับเป็นการเพิ่มช่องทางเลือกให้กับลูกค้าที่ต้องการลงทุนในจีน
โดยบริษัทจะให้บริการแบบ One Stop Service ให้กับลูกค้า คาดว่าลูกค้า ส่วนใหญ่เกิน
70% จะเป็นญี่ปุ่น เนื่องจากผู้ร่วมทุนของบริษัทฯ คือ สุมิคิน บุสซัน ซึ่งอยู่ในเครือสุมิโตโม
ทำหน้าที่รับผิดชอบส่วนการตลาด ทำให้ลูกค้าชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อใจเช่าที่นิคมฯ โรจนะในจีนมากยิ่งขึ้น
"การพัฒนานิคมฯ ในจีนครั้งนี้ มองว่าเป็นการเสริมธุรกิจนิคมฯ ที่มีอยู่แล้ว
2 แห่งในไทย ไม่ถือว่าเป็นการแย่งลูกค้า เพราะหากลูกค้าไม่ตัดสินใจ ลงทุนในไทย
เราก็หมดโอกาสขายที่ดิน เพราะเราไม่มีสินค้าเสนอขาย แต่เมื่อมีนิคมฯ ในจีนก็เท่ากับเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าเดิมจากต่างประเทศและไทยที่
ต้องการขยายฐานการลงทุนยังจีนด้วย"
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับสิทธิในการเช่า ที่ดินมีจำนวน 5,500 ไร่ อายุการเช่า 50
ปี ใช้เวลาพัฒนาประมาณ 10 ปี และเงินลงทุน 5,000 ล้านบาท โดย ROJANA จะเป็นผู้ลงทุนทำนิคมฯรายแรกของไทยในจีน
โดยอาศัยประสบการณ์ที่ทำนิคมฯ มานาน 15 ปี และมีพันธมิตรร่วมทุน เข้ามาช่วยเหลือทางการตลาดด้วย
โดยเฟสแรกจะพัฒนาที่ดินจำนวน 500 ไร่ ใช้เงินลงทุน 400 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากการกู้ยืม
และกระแสเงินสดจากบริษัทในสัดส่วนที่เท่ากัน คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในต้นปี 2547
รับหุ้นขาดสภาพคล่อง
นายจิระพงษ์ กล่าวถึงราคาหุ้น ROJANA ว่าไม่มีความเห็นเกี่ยวกับราคาหุ้นในกระดานที่ปัจจุบันยังมีราคาต่ำกว่าราคาเป้าหมายของโบรกเกอร์
ประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ระดับประมาณ 56 บาท จากปัจจุบันราคาหุ้น จะอยู่ที่ 45-46
บาท เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องของกลไกทางตลาด
ส่วนเรื่องสภาพคล่องของหุ้นที่มีอยู่ 8.84% เนื่องจากหุ้นบางส่วนถูก กองทุนฯถือระยะยาว
เพื่อรอปันผล ทำให้ขาดสภาพคล่อง โดยบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มสภาพคล่องอยู่เช่นกัน
โดยแนวทางที่มองไว้คือการแตกพาร์ แต่อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องในอนาคตซึ่งตอนนี้ไม่
สามารถจะให้รายละเอียดหรือความชัดเจนอะไรได้คงต้องมีการศึกษาดูก่อน
ตั้งเป้ากำไร 300-350 ล้าน
นายดิเรก วินิชบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สวนอุตสาหกรรม โรจนะ จำกัด(มหาชน)
(ROJANA) กล่าวถึงผลประกอบการในปีนี้ว่า บริษัทฯจะมีรายได้ประมาณ 3,000 กว่าล้านบาท
และกำไรสุทธิ 300-350 ล้านบาท สูงขึ้นเมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 260 ล้านบาท
เนื่องจากบริษัทรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าส่วนขยายจากเดิม 122 เมกะวัตต์ เป็น 165
เมกะวัตต์
นอกจากนี้ บริษัทฯมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก 40 เมกะวัตต์ใช้เงินลงทุนประมาณ
1,000 ล้านบาท เพื่อป้อนให้กับอุตสาหกรรมในนิคมฯที่อยุธยา คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี
2547
หลังจากขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ทำให้โครงสร้างรายได้จาก ธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอยู่ที่
60% สูงกว่ารายได้จากอสังหาริมทรัพย์ แต่บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับธุรกิจนิคมฯเป็นอันดับต้น
โดยมองว่าธุรกิจไฟฟ้าและน้ำ อุตสาหกรรมเป็นรายได้เสริมที่มั่นคงเท่านั้น หาก ROJANA
รับรู้รายได้จาก นิคมฯ ที่จีน จะทำให้โครงสร้างรายได้ระหว่างการขายที่ดินกับไฟฟ้าใกล้เคียงกัน
ทั้งนี้ บริษัทฯคาดว่าจะรับรู้รายได้จากนิคมฯที่ฉางโจวอย่างเร็วต้นปีหน้า ซึ่งนิคมฯนี้มีความได้เปรียบนิคมฯอื่นๆในฉางโจว
ตรงที่เป็นนิคมฯ ที่มีญี่ปุ่นร่วมถือหุ้นด้วย
ส่วนนิคมฯ ในไทยขณะนี้มีผู้ประกอบรายใหญ่เพียงมี 3 ราย คือ บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน
บมจ.เหมราชพัฒนาที่ดิน และ บมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ โดยทั้ง 3 บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดรวมกัน
90% ซึ่งไม่ได้มีการแข่งขันอย่างรุนแรงมากนัก
นิคมโรจนะ ฉางโจว ห่างจากนครเซี่ยงไฮ้ 160 กิโลเมตร โดยพื้นที่ดังกล่าวมีความเจริญทั้งด้านอุตสาหกรรม
พาณิชยกรรม คมนาคม สามารถ เดินทางได้ทั้งทางบกและทางน้ำ ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงแม่น้ำแยงซีเกียง
และใกล้กับสนามบินนานาชาติ