ภาษีมูลค่าเพิ่ม


นิตยสารผู้จัดการ( กันยายน 2532)



กลับสู่หน้าหลัก

ระบบภาษีมูลค่าเพิ่มที่กรมสรรพากรจะประกาศใช้ภายในปี 2533 นั้น ถึงตอนนี้ยังอยู่ในภาวะลูกผี ลูกคน ไม่รู้ว่าจะได้นำออกใช้จริง ๆ กันตอนไหน เพราะมีเสียงคัดค้านอยู่มากกว่า จะทำให้สินค้ามีราคาแพงขึ้นและธุรกิจห้างร้านต่าง ๆ ต้องมีระบบบัญชีเพิ่มขึ้นทำให้เป็นเรื่องยุ่งยากกว่าเดิม

เสียงดังที่สุดคือเสียงของพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรีซึ่งได้พูดในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 สิงหาคมว่า ควรจะเลื่อนการใช้ระบบภาษีมูลค่าเพิ่มออกไปก่อน เพราะยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องรายละเอียดและผู้ที่เกี่ยวข้องยังไม่มีความพร้อมที่จะรองรับ

เรื่องของเรื่องที่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่มถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้ก็เพราะว่า ระบบนี้ทำให้การหลีกเลี่ยงการเสียภาษีเงินได้โดยแจ้งรายได้ต่ำกว่าความเป็นจริงหรือแจ้งขาดทุน ไม่สามารถทำได้อีกต่อไป เพราะในการซื้อขายสินค้าหรือบริหารในแต่ละขั้นตอนการผลิต หรือบริการผู้ซื้อจะต้องให้ผู้ขายออกใบเสร็จที่จะเรียกกันใหม่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่มว่า ใบกำกับภาษีให้เพื่อที่จะได้ใช้เป็นหลักฐานนการหักภาษีที่เก็บจากผู้ซื้อสินค้า หรือบริหารจากตัวเองในขั้นต่อไปก่อนที่จะส่งภาษีให้กับสรรพากร

ใบเสร็จหรือใบกำกับภาษีนี้จะเป็นหลักฐานแสดงรายได้ที่แท้จริงของธุรกิจนั้น ๆ สำหรับใช้คำนวณภาษีเงินได้ที่จะต้องเสีย การแจ้งยอดรายได้เท็จเพื่อเสียภาษีน้อย ๆ ก็จะทำได้ยากขึ้นเพราะมีใบเสร็จเป็นหลักฐานฟ้องอยู่ นอกจากนั้นแล้วถ้ายอดรายได้ในปีแรกของการเก็บภาษีในระบบใหม่นี้สูงกว่าปีที่ผ่าน ๆ มาอย่างผิดปกติแล้ว ก็อาจเป็นเหตุให้มีการตรวจสอบการเสียภาษีย้อนหลังได้

ระบบภาษีมูลค่าเพิ่มจึงเป็นของแสลงสำหรับผู้ที่หลีกเลี่ยงภาษีโดยเฉพาะ ซึ่งนักธุรกิจส่วนใหญ่ในบ้านเราก็มักจะเป็นเช่นนี้ รวมทั้งบรรดารัฐมนตรีและนักการเมืองที่มีธุรกิจของตัวเองก็อยู่ในข่ายนี้ด้วย การใช้ระบบภาษีมูลค่าเพิ่มจึงอาจทำให้เสียทั้งความนิยมทางการเมืองและกระทบกระเทือนผลประโยชน์ของตนเองด้วย

แล้วใครละจะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากพอที่จะกลาทุบหม้อข้าวตัวเอง



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.