ชีวิตนายห้างเทียมเป็นชีวิตตัวอย่างของคนทำงานหนักมาตลอดชีวิต และก็ไม่ได้มุ่งหวังผลจากการทำงานหนักว่า
จะต้องแสดงออกในรูปแบบของความฟุ่มเฟือย หรือไร้สาระดังเช่นเศรษฐีบางคน พอประสบความสำเร็จก็แสดงออกถึงความโอ่อ่าฟู่ฟ่าทั้งในรุปวัตถุดิบ
หรือในกิริยามารยาทที่พอจะเห็นกันได้ดาษดื่น
ในทางตรงกันข้ามเทียม โชควัฒนาในปี 2532 ก็ไม่ได้แตกต่างกว่าเทียม โชควัฒนาที่เป็น
"จับกัง" เมื่อ 50 กว่าปีก่อน แถว ๆ ตรอกอาเนียเก็ง ในย่านทรงวาดเท่าไหร่นัก
ทุกวันนี้นายห้างเทียมยังคงตัดผมสั้นเกรียนทรงมหาดไทยอยู่เสื้อผ้าที่ใส่ก็คือเสื้อผ้าทั่ว
ๆ ไป นอกเหนือจากนาฬิกาโรเล็กซ์ที่ลูกซื้อให้และรถเบนซ์ที่บรรดาลูก ๆ ลงขันซื้อให้
(แต่ไม่กลาบอกราคาพ่อ) นายห้างเทียมจะดูไม่แตกต่างไปกว่าเถ้าแก่ร้านขายข้าวสาร
หรือหลงจู๊โรงรับจำนำคนหนึ่งเลย
ความบ้างงานของนายห้างเทียมแทบจะเป็นตำนานเลยก็ว่าได้
"นายห้างมาทำงานทุกวันไม่เว้นวันอาทิตย์ และทำงานแบบนี้มาตั้งแต่หนุ่มจนปีนี้อายุ
74 แล้วยังไม่หยุด เวลามาที่ทำงานวันหยุดนายห้างชอบเรียกพนักงานมาสอบถามถึงปัญหางาน
และความคืบหน้าของงาน" คนในเครือสหกรุ๊ปเล่าให้ "ผู้จัดการ"
ฟัง
นายห้างเทียมจะไปถึงที่ทำงานประมาณแปดโมงเช้า โดยอยู่ที่ไอซีซีสามวัน ที่เหลือก็จะไปเยี่ยมบริษัทในเครือแล้วแต่ตารางนัดส่วนช่วงบ่ายจะอยู่ประจำที่สหพัฒนพิบูลแทบทุกวัน
"นายห้างอ่านหนังสือพิมพ์จีนทุกฉบับอ่านแทบทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องธุรกิจการค้า
หนังสือพิมพ์ไทยก็เช่นกัน แต่บางครั้งจะมีเลขามาช่วยอ่านให้ฟังเพราะสายตาท่านไม่ดี
ข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับบริษัทในเครือ" คนใกล้ชิดเล่า
แม้ว่าเทียมจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับงานบริหารโดยตรง แต่หากลูกหลานหรือลูกน้องคนใดต้องการคำปรึกษาแล้วละก้อ
ประตูห้องของนายห้างเปิดทุกเมื่อ
นายห้างชอบติดตามอ่านตัวเลขผลประกอบการของทุกบริษัทในเครือ แต่ความที่สายตาของท่านไม่สู้จะดีนักบางครั้งต้องใช้แว่นขยายบางครั้งต้องให้เจ้าหน้าที่มาอ่านให้ฟัง
"ระบบของสหกรุ๊ปทุกบริษัทในเครือจะต้องส่งงบการเงินเข้ามาให้สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้งทุกเดือน
ซึ่งจะต้องมีหนึ่งชุดที่ถูกส่งไปยังนายห้าง ซึ่งนายห้างดูเสร็จแล้วก็จะให้คีย์ข้อมูลเก็บไว้ส่วนตัวของนายห้างแล้วความจำท่านนี่ดีมากเมื่อเดือนก่อนรายได้เท่านี้
เดือนนี้ทำไมลดลงท่านจะเรียกถาม แต่ถ้าผลประกอบการดีขึ้นทุกบริษัทใบหน้านายห้างก็จะอิ่มเอมมีความสุข"
นายห้างเคยบอกว่าถ้ากิจการในเครือโตวันโตคืนเช่นนี้ก็อยาจะมีชีวิตอยู่นานเพื่อดูความเติบใหญ่
เทียม โชควัฒนาเป็นตัวอย่างของคน ๆ หนึ่งซึ่งสร้างเนื้อสร้างตัวมาจากคนที่มีการศึกษาน้อยแต่ใช่ประสบการณ์ความสามารถ
จนกระทั่งกิจการเจริญเติบโตเป็นปึกแผ่นเช่นทุกวันนี้
กระทั่งสถาบันการศึกษาระดับสูงอย่างมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ต้องมอบปริญญาเอกดุษฎีกิตติมศักดิ์สาขาบริหารธุรกิจให้เมื่อ
14 สิงหาคม 2528
และล่าสุดสมาคมการตลาดมอบรางวัล HALL OF FAME ที่จัดเป็นปีแรก ซึ่งผู้ที่ได้รับเกียรติสูงสุดนี้คือ
เทียม โชควัฒนา และทรง บุลสุข
สำหรับเทียม โชควัฒนา คนที่เคยแบกกระสอบน้ำตาล หิ้วเสื้อยืดตราลูกไก่ไปขายวันนี้เวลานี้
สำหรับตัวเขาได้ขึ้นสู่สูงสุดและลงสู่สามัญได้ทุกเมื่อ
เทียม โชควัฒนาวันนี้ ล้างมือในอ่างทองคำแล้ว โดยตระเตรียมทุกอย่างพรักพร้อมสำหรับคนรุ่นหลัง
ในการขยายอาณาจักรต่อไปไม่สิ้นสุด อาจกล่าวได้ว่าแม้วันหน้าจะตายก็ตายแบบนอนตาหลับ
เทียม โชควัฒนา ในที่สุดก็ได้กลายเป็นตำนาน ๆ หนึ่ง ที่จะต้องถูกกล่าวขานถึงในอนาคตอีกนานแสนนาน
นี่แหละเขาถึงว่าคน ๆ หนึ่ง เมื่อมีชีวิตอยู่ ก็ควรจะทำอะไรในชีวิตให้มีความหมายเสียบ้าง
ไม่เช่นนั้นแล้วถึงอายุจะยืนยาวแค่ไหนก็ไร้สาระและคงจะต้องตายเบาอย่างขนนก
หาได้หนักแน่นประดุจขุนเขา แบบเทียม โชควัฒนา ผู้นี้เป็นแน่แท้