ยุวดี บุญครอง ว่าด้วยเรื่องชู้สาว, ชีวิตโสดและ "ไทยรัฐ"


นิตยสารผู้จัดการ( กันยายน 2532)



กลับสู่หน้าหลัก

เสียงลือเสียงเล่าอ้างที่มีต่อยุวดี บุญครองนั้นก็คือ ลือกันว่าเธอได้รับความวางใจ "เป็นพิเศษ" จากผู้ยิ่งใหญ่แห่ง "ไทยรัฐ"

เสียงลือนี้ตั้งอยู่บนสมมติฐานสามประการตามสายตาของผู้เชี่ยวชาญวงการซุบซิบนินทาระดับสูง คือ หนึ่ง - ยุวดีเป็นคนสวย ค่อนไปทางสวยมาก

สมมติฐานประการนี้ "ผู้จัดการ" ยอมรับโดยไม่กังขา

สอง - เธอเป็นโสดและยังไม่มีแฟน ทั้งนี้ตามคำกล่าวอ้างของเธอ

สาม - เธอมิใช่ "วัชรพล" โดยสายเลือดหรือเกี่ยวดองทางเครือญาติกับ "วัชรพล" แต่ประการใด และยังมิใช่คนเก่าคนแก่หรือ "ลูกหม้อ" ของหนังสือพิมพ์ "ไทยรัฐ" แต่ปรากฎว่า เธอสามารถก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.เอส.อี. แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่รับผิดชอบเรื่องรายได้จากค่าโฆษณาทั้งหมดของไทยรัฐ อันนับเป็นปรากฎการณ์ใหม่ในรอบ 30 ปีของไทยรัฐก็ว่าได้และเป็นก้าวขึ้นมาในช่วงเวลาที่รวดเร็วมาก ๆ ไม่ถึงปี

ด้วยสมมติฐาน 3 ประการนี้ ผู้เชี่ยวชาญในวงการนินทาจึงประทับตราให้เธออย่างไม่ต้องสืบเสาะอะไรมาก

เสียงลือเสยงเล่าอ้างดังกล่าวไม่ใช่สาระสำคัญแต่อย่างใดที่ "ผู้จัดการ" จะต้องไปสืบค้นเพื่อหาความจริง แต่เมื่อ "ผู้จัดการ" มีโอกาสได้พบปะสนทนากับยุวดี บุญครอง ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านแล้ว "ผู้จัดการ" ก็อดไม่ได้ที่จะซอกแซกเข้าไปในช่วงชีวิตของเธอยามนี้ ยามที่เธอต้องแบกรับภาระอันยิ่งใหญ่ในอาณาจักร "ไทยรัฐ"

"มันเป็นจังหวะที่ทำให้พี่เข้ามาอยู่ไทยรัฐ ตอนนั้นไทยรัฐจัดรายการคอนเสิร์ตช่วยทหารที่ร่มเกล้า จัดกันที่สนามกีฬากองทัพบก พี่ช่วยหาเงินบริจาคทางโทรทัศน์ หาโฆษณา ได้เงินมา 3 ล้านบาท พี่ไม่รับคอมมิชชั่นสักบาทเพราะถือเป็นการกุศล ผ.อ.กำพลท่านเลยประทับใจ ชอบวิธีการทำงาน ก็เลยชวนพี่มาทำงานที่ไทยรัฐ" ยุวดีเล่าถึงความหลัง

เงินบริจาค 3 ล้านบาทนั้นได้มาเพราะความเก่งและเชี่ยวชาญในวงการโทรทัศน์ของเธอเอง นั่นเพราะอาชีพโดยแท้จริงของเธอคือโบรกเกอร์หาโฆษณาโทรทัศน์อยู่แล้ว

เมื่อมาอยู่ไทยรัฐ ก็พอดีไทยรัฐกำลังปรับปรุงหน้าตาเป็นสี่สี และที่สำคัญจุไรรัตน์ ดารากร น้องภรรยากำพล วัชรพล ซึ่งคุมเรื่องโฆษณามาตลอดลาออกจากไทยรัฐไปเปิดสำนักงานทนายความ ยุวดีจึงเลื่อนไปสวมบทบาททันที

การเข้ามาของยุวดีในช่วงเหตุการณ์นั้น มีความหมาย 2 ประการ ประการแรกคือความเปลี่ยนแปลงในฝ่ายโฆษณาไทยรัฐ และประการที่สองการแยกตัวอย่างเด่นชัดของ ที.เอส.อี.กรุ๊ป

ยุวดีเข้าไปเปลี่ยนแปลงระบบขายโฆษณาโดยการแยกฝ่ายโฆษณาออกมาตั้งบริษัทใหม่ชื่อบริษัทที.เอส.อี.แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด การซื้อขายเนื้อที่โฆษณาในไทยรัฐจะต้องฝ่ายบริษัทนี้แต่ผู้เดียว ซึ่งแน่นอนที่เธอจะต้องเป็นกรรมการผู้จัดการของที.เอส.อี.แอดเวอร์ไทซิ่ง

"เมื่อก่อนนี้ใครจะมาลงโฆษณาที่ไทยรัฐ เรียกได้ว่าเกือบจะต้องหอบเงินมาขอลงทีเดียว มีหน้าก็ได้ ไม่มีหน้าก็ไม่ได้ เรื่องลดเปอร์เซ็นต์ก็ไม่แน่นอนแล้วแต่ความสนิทสนมส่วนตัว แบบโฆษณาหรือการติดต่อก็ต้องมาที่ไทยรัฐเอง ถ้าได้หน้าลงโฆษณาก็ถือเป็นบุญเป็นคุณกันเสียอีก" แหล่งข่าวในวงการโฆษณาเล่า

ซึ่งยุวดีก็เชิญบรรดาระดับบิ๊กของเอเยนซีในเมืองไทยมาพบปะกับผ.อ.กำพล วัชรพล เพื่อพูดคุยถึงปัญหาที่สะสมมาซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปีที่ไทยรัฐออกไปพบกับเอเยนซีเช่นนี และในงานนั้นบรรดาผู้บริหารเอเยนซีในเมืองไทยมาพร้อมหน้าพร้อมตากันเสียยิ่งกว่างานในวงการโฆษณาอื่นใดเสียอีก

นอกจากนั้นยุวดีก็จัดฝ่ายโฆษณาให้เป็นระบบมากขึ้นเป็นมืออาชีพมากขึ้น เช่น ลดเปอร์เซ็นต์ 100% อย่างเท่าเทียมกันทุกเอเยนซี เพิ่มหน้าให้เมื่อลูกค้าต้องการ ยุวดีและทีมงานออกวิ่งไปหาลูกค้าเองด้วย ซึ่งยุวดีกล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา ยอดขายโฆษณาไทยรัฐเพิ่มขึ้นกว่า 30%

รายได้หลักของหนังสือพิมพ์คือค่าโฆษณา และยิ่งกับหนังสือพิมพ์ไทยรัฐซึ่งมีอัตราค่าโฆษณาที่แพงที่สุด มีรายรับนับเป็นสิบล้านต่อวัน ดังนั้นยุวดีจึงมีหน้าที่รับผิดชอบรายได้มาหาศาลของไทยรัฐ ทั้งที่เธอเพิ่งเข้ามาในไทยรัฐได้ประมาณปีกว่า จัดว่าเป็นคนใหม่ จึงเป็นเรื่องแปลกสำหรับสายคนทั่วไป

"เป็นธรรมดาที่ป๊ะกำพลจะต้องใช้คนในตระกูลหรือคนเก่าคนแก่ที่ไว้ในมาคุมกิจการที่สำคัย เช่น คุณสราวุธ ลุกายคุมกองบรรณาธิการ คุณยิ่งลักษณ์ ลุกสาวคุมเรื่องการบริหารทั่วไป คุณวิเชียร สงวนไทยดูแลกิจการบันเทิง ส่วนที่ป๊ะกำพลยังควบคุมใกล้ชิดคือเรื่องซื้อกระดาษพิมพ์ เพราะเรื่องกระดาษเป็นหัวใจของหนังสือพิมพ์ และต้องซื้อคราวหนึ่งเป็นจำนวนมากเพื่อเป็นสต็อก ที่คุณยุวดีมานั่งตรงนี้จึงเป็นเรื่องแปลกเพราะเป็นตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงที่ควบคุมเงินมหาศาล แสดงว่าป๊ะกำพลไว้ใจคุณยุวดีมาก หรืออย่างน้อยคุณยุวดีก็ต้องเป็นคนเก่งมากจริง ๆ" คนใกล้ชิดไทยรัฐกล่าว

ความหนาประการที่ 2 เซอร์วิสเอนเตอร์ไพรซ์กรุ๊ป) นั้น แต่แรกเริ่มมีชื่อปรากฎคู่กับวงแกรนด์เอ็กซ์ในช่วงรุ่งเรืองสุดขีด ที.เอส.อี.เข้าไปเป็นผู้จัดกาคิวการแสดงและดปรโมทให้กับแกนรด์เอ็กซ์ในช่วงนั้นแกรนด์เอ็กซ์มีคิวแสดงเกือบทุกคืน จวบจนกระทั่งวงแตกในเวลาต่อมา

"TIGER SLEEP EAT" ใครบางคนแซวที.เอส.อี.กรุ๊ป ไว้เช่นนั้นตอนที่แกรนด์เอ็กซ์ต้องตระเวนออกวิ่งแสดงทุกคืน

มาในช่วงหลังที.เอส.อี.เงียบหายไป แต่เป็นที่รู้กันว่าคนในกลุ่มนี้คือผู้ดูแลกิจการที่อยู่นอกายหนังสือพิมพ์ให้กับป๊ะกำพล โดยเฉพาะธุรกิจบันเทิง เช่น ปาป้า เดอะสเก็ตเดอะพาเลซ เป็นต้น จนกระทั่งยุวดีเข้ามาตั้งบริษัทโฆษณาในเครือไทยรัฐ ที.เอส.อี.กรุ๊ป ก็ฟื้นขึ้นมาอีกอย่างเป็นเรื่องเป็นราว

บุคคลที่เป็นผู้ดูแลที.เอส.อี.นั้นคือวิเชียร สงวนไทย ซึ่งเป็นคนเก่าแก่ของไทยรัฐ อยู่มาเกือบ 30 ปี วิเชียรเคยประจำอยู่หน้าบันเทิงไทยรัฐ ดูภายนอกหลายคนนึกว่าวิเชียรเป็นเพียงคนจัดหน้าหรือตีดัมมี่หน้าบันเทิงเท่านั้น แต่แท้ที่จริงวิเชียรเป็นเหมือนมือขวาแบะมือ้ายของป๊ะกำพลในการดูแลกิจการธุรกิจบันเทิง นอกเหนือจากวิเชียรก็จะมีสมปอง พรทวีวัฒน์และวันเฉลิม กาญจนมงคล ซึ่งเป็นคนเก่าแก่ของป๊ะกำพลเหมือนกันที่อยู่ในที.เอส.อีซ

การแยกตัวออกมาเป็นเรื่องเป็นราวนั้นหมายถึง การตั้งบริษัทที.เอส.อีงแอดเวอร์ไทซิ่งขึ้นมาอย่างเป็นทางการ และต่อมาก็ตั้งบริษัทที.เอส.อี.คอมมูนิเคชั่น รับผิดชอบการตลาดเรื่องเอส.โอ.เอส.ของดร.ทักษิณ ชินวัตร และทีงเอส.อี.กรุ๊ปทั้งหมดก็เคลื่อนย้ายออกไปปักหลักอยู่อาคารุ่งโรจน์ ตรงข้ามอาคารไทยรัฐ รวมทั้งตัววิเชียรและทีมงานก็ย้ายไปทั้งหมดด้วย

เป็นความเปลี่ยนแปลงแบบเงียบ ๆ ภายในไทยรัฐที่แสดงถึงการแบ่งอาณาจักรกันระหว่างลูกสาว ลูกชายและคนสนิทนั่นเอง และยุวดีก็เข้าไปมีส่วนในความเปลี่ยแปลงดังกล่าวด้วย

กล่าวกันว่ายุวดีรู้เสมอว่ายังมีหน้าโฆษณาบางหน้าของไทยรัฐที่ยังไม่ควรไปแตะ เนื่องจากบางหน้ายังมีระบบสัมปทานที่ได้มากเพราะความสัมพันธ์ส่วนตัวกับป๊ะกำพล เช่น หน้า 4 ที่ประกิต อภิสารธนรักษ์ แห่งประกิตแอนเอฟซีบีได้มาคนเดียว หรือหน้าที่มีโฆษณาหนังใหม่ ๆ ก็เป็นความต้องการของป๊ะกำพลที่ต้องการสนับสนุนวงการบันเทิง ราคาโฆษณาจึงต่ำที่สุและมีคนรับผิดชอบไปต่างหาก

"แต่สิ้นปีนี้อาจจะมีการปรับอะไรกันใหม่บ้าง" เธอแย้มให้ฟัง

นอกเหนือจากงานที่ไทยรัฐเธอยังเป็นเจ้าของบริษัทมีเดียออฟมีเดีย ซึ่งเป้นบริษัทที่เธอตั้งมาเองก่อนมาอยู่ไทยรัฐ รับจัดรายการและเป็นโบรกเกอร์หาโฆษณาป้อนรายการโทรทัศน์ต่าง ๆ เธอเป็นเจ้าของรายการแผ่นฟิล์มวันศุกร์ ซันเดย์มูลวี่และกำลังจะจัดรายการประเภทวาไรตี้ทางช่อง 7 สีเร็ว ๆ นี้

ยุวดีเป็นสาวทำงานยุคใหม่ที่ชอบงานท้าททาย เธอมาทำงานแต่เช้า สั่งงานลูกน้องที่มีกวา 50 คน หรืออกไปพบลูกค้าและคอยแก้ปัญหาสารพัดต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับหน้าโฆษณาไทยรัฐก่าจะเลิกงานก็สองทุ่ม และไม่มีวันหยุดสำหรับเธอ

"ที่ทำงานแบบนี้ได้เพราะพี่ยังไม่มีควรอบครัว และยังไม่มีแฟน แต่อีก 2 ปีคงต้องแต่งเสียที ตอนนี้ก็ขายใบสมัครไปก่อน" เธอว่าพลางหัวเราะอย่างสดใส

ส่วนกรณีข่าวลือต่าง ๆ ที่พุ่งเป้ามายังเธอนั้น ยุวดีกล่าวอย่างเหนื่อยหน่ายว่า "พี่ทำสมาธิทำจิตให้สงบ พี่มาที่นี่ไม่จำเป็นต้องมีเรื่องชู้สาว พี่ต้องทำให้เห็นว่าพี่คือใคร มีผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ระดับพี่ต้องไปเป็นเมียน้อยหรือ พี่เป็นคนทำงานมีสมอง" เธอย้ำหนักแน่น

จนถึงบรรทัดนี้ "ผู้จัดการ" ก็ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องข่าวลือต่อไปอย่างใดไม่ เพราะหนทางชีวิตของแต่ละคนย่อมมีทางเลือกของตนเอง ขอให้มีผลงานได้พิสูจน์ตนเองอย่างมีศักดิ์ศรีก็เพียงพอมิใช่หรือ มีก็เพียงประการเดียวที่ "ผู้จัดการ" ยังสนอกสนใจต่อก็คือ "ใบสมัคร" ที่คุณยุวดีอยากจะขายนั่นแหละ มีให้มี "ผู้จัดการ" สักใบหรือเปล่า



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.