ผู้อยู่เบื้องหลังเด็กไทยในคณิตศาสตร์โอลิมปิก


นิตยสารผู้จัดการ( กันยายน 2532)



กลับสู่หน้าหลัก

แล้วเมืองไทยก็มีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง คราวนี้เป็นผลงานด้านวิชาการของเยาวชนไทยจากการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกครั้งที่ 30 (INTERNATIONALE MATHEMATIK OLYMPIADE 1989) ที่เมือง BRAUNSCHWEIG ประเทศเยอรมนีตะวันตก ผลที่ออกมาว่าประเทสไทยซึ่งเข้าร่วมการแข่งขันเป็นครั้งแรกมีคะแนนรวมอยู่ในอันดับที่ 41 จากประเทศที่ร่วมการแข่งขัน 50 ประเทศ นอกจากนี้ยังได้รับเหรียญรางวัล 1 เหรียญทองแดงกับอีก 2 รางวัลเกียรติคุณประกาศ นับเป็นการเริ่มต้นที่ดีของวงการวิชาการไทยที่สามารถคว้ารางวัลในการแข่งขันโอลิมปิกคณิตศาสตร์ที่มีประวัติยาวนานถึง 30 ปีตั้งแต่ปี 2502 ที่โรมาเนีย

เป็นความสำเร็จที่ถูกสร้างขึ้นด้วยความเสียสละจากบางฝ่ายบางองค์กร ภายใต้บรรยากาศทางด้านวิชาการทางด้านคณิตศาสตร์ของบ้านเมืองเราที่เฉื่อยเนือย และมีองคืกรน้อยองค์กรเต็มทีที่เห็นความสำคัญและให้การสนับสนุนโครงการนี้

ความสำเร็จที่ใคร ๆ ให้ความสนใจในปีนี้ ได้เริ่มต้นเมื่อปีที่แล้ว เป็นการเริ่มต้นที่ศูนย์บริภัณฑ์เพื่อการศึกษาด้วยความคิดของบุญเริง แก้วสะอาดา ผู้อำนวยการศูนย์ฯ

"เราเห็นว่าการศึกษาของประเทศไทยก็จัดอยู่ในระดับที่ดี เพียงแต่ว่าเราควรที่จะกระตุ้นให้เกิดการพัฒนามากยิ่งขึ้น เราเชื่อว่าการเข้าร่วมการแข่งขันในโครงการนี้น่าที่จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะกระตุ้นเตือนวงการวิชการของไทยได้ อย่างน้อยเราจะไดรู้ว่า เด็กของเราเมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่นแล้ว เราอยู่ในระดับไหนและจะพัฒนาไปในทิศทางใด" บุญเริง กล่าวกับ "ผู้จัดการ" ถึงแรงจูงใจ

ด้วยประสบการณ์ในวงการวิชาการมานานร่วม 20 ปีของบุญเริง และยังทำงานให้กับองค์การ UNESCO มานานร่วม 15 ปี จึงมีโอกาสที่ได้รู้ได้เห็นเกี่ยวกับโครงการทางวิชาการต่าง ๆในต่างประเทศ รวมทั้งโครงการคณิตศาสตร์โอลิมปิกนี้ด้วยผนวกรวมกับความริเริ่มสร้างสรรค์จึงมาสู่การปฏิบัติ บุญเริงได้มอบหมายให้ ยุคล พิริยะกุล หัวหน้าฝ่ายพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ติดตอ่เพื่อขอเข้าร่วมสังเกตการณ์ในการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกครั้งที่ 29 ที่จัดขึ้นที่ประเทศออสเตรีเลียเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นกฎเกณฑ์ข้อหนึ่งที่ว่าผู้ที่จะเข้าร่วมการแข่งขันได้นั้นต้องเยผ่านการเข้าร่วมเกตการณ์ก่อนอย่างน้อย 1 ครั้ง

"โครงการนี้เป็นโครงการที่ใหญ่และต้องออกไปทำการแข่งขันในต่างประเทศเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของประเทศ เราต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการคัดเลือกหาเยาวชนที่มีความสามารถ อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญที่จะให้ความรู้เป็นพิเศษแก่เด็กเพื่อประโยชน์ในการแข่งขัน" บุญเริง เล่าถึงการทำงานในขั้นต่อไปของโครงการนี้

ดังนั้นการคัดเลือกเด็กเก่งจึงเริ่มขึ้นด้วยความร่วมมือจากนักวิชาการที่เข้าใจกันดีเพราะเคยได้ร่วมมือกันมาหลายโครงการได้แก่ โครงการเยาวชนช้างเผือก, โครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้ที่มีความสามารถพิเศษ ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและโครงการสอบแข่งขันทางคณิตศาสตร์ของสมาคมคณิตศาสตร์ โดยมีหน่ายงานที่รับผิดชอบคือศูนย์บริภัณฑ์เพื่อการศึกษา, สมาคมคณิตศาสตร์สมาคมวิทยาศาสตร์, สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)

เยาวชนที่ผ่านการคัดเลือกมาจากทั้ง 3 โครงการรวมทั้งสิ้น 12 คนและทำการคัดเลือกเหลือ 6 คนเพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน

การเข้ารับการเทรนเป็นเวลา 6 สัปดาห์จากผู้เชี่ยวชาญรวมทั้งการเป็นพี่เลี้ยงในการพาไปแข่งขันที่เยอรมนีตะวันตกอยู่ในความรับผิดชอบของสมาคมคณิตศาสตร์

เยาวชนคนเก่งที่ผ่านการคัดเลือกเป็นตัวแทนประเทศไทยทั้ง 6 ได้แก่ พัฒนพงษ์ เหล่าสุวรรณ จากโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน จังหวัดขอนแก่น, สมพร ชาญประจักษ์วณิช จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพฯ, สุบิน เลี้ยงพันธุ์สกุล กับ ไพศาล นาคมหาชลาสิทธุ์ จากโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย จังหวัดสงขลา, ศิริพงศ์ อติพันธุ์ จากโรงเรียนคณะราษฎร์บำรุง จังหวัดยะลา และราชวัติ ดาโรจน์ จากโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จังหวัดอุบลราชธานี

โดยมี ดร.ยติ กฤษณังกูรจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทร วิโรฒและ รศ.ศักดา บุญโตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นผู้ประสานระหว่างทำการแข่งขันอยู่เยอรมนีตะวันตก รวมทั้งเป็นพี่เลี้ยงให้กับเด็กไทยเยาวชนไทยทางด้านวิชาการ อย่างน้อยที่สุดก็น่าที่จะเป็นการจุดความสนใจให้กับผู้ที่มีหน้าที่โดยตรงให้หันมาสนใจอย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น ให้การสนับสนุนและให้โอกาสในการพัฒนาศักยภาพของเด็กไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคงไม่ใช่เป็นเพียงการส่งเสริมหรือพัฒนาวิชาการไทยเพื่อการแข่งขันเท่านั้น หากแต่เพื่อเอื้ออำนวยต่อการพัฒนาประเทศในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.