|
"ไทยออยล์"อ่วมขาดทุนไตรมาส 3 พุ่ง300%
ผู้จัดการรายวัน(11 พฤศจิกายน 2551)
กลับสู่หน้าหลัก
“ไทยออยล์” ผลงานทรุดฮวบหลังราคาน้ำมันโลกวูบ ไตรมาส 3 พลิกขาดทุนสุทธิกว่า 5.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 300% จากปีก่อนที่กำไรสุทธิกว่า 3.1 พันล้านบาท ผู้บริหารอ้างขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันกว่า 7.6 พันล้านบาท ขณะที่งวด 9 เดือนกำไรสุทธิลดเหลือแค่ 8.6 พันล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่ 1.6 หมื่นล้านบาท หรือลดลงเกือบ 45% ล่าสุดราคาปิดที่ 22.50 บาท ลดลงจากวันก่อน 0.30 บาท
นายวิโรจน์ มาวิจักขณ์ กรรมการอำนวยการ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานประจำไตรามาส 3 สิ้นสุด 30 กันยายน 2551 ว่า บริษัทและบริษัทย่อยมีผลขาดทุนสุทธิ 5,802.19 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 2.84 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 3,101.78 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.52 บาท หรือกำไรสุทธิลดลงกว่า 8,903.97 ล้านบาท คิดเป็น 287.06%
ขณะที่งวด 9 เดือนกำไรสุทธิ 8,617.37 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 4.22 บาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่กำไรสุทธิ 15,663.96 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 7.68 บาท กำไรสุทธิลดลงกว่า 7,046.59 ล้านบาท คิดเป็น 44.99%
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 นั้น บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายจำนวน 110,637 ล้านบาท เพิ่มขึ้นงวดเดียวกันของปีก่อน 47,325 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นและการขยายกำลังการผลิตของหน่วยกลั่นน้ำมันดิบที่ 3 (CDU-3)และการขยายกำลังการผลิตสารอะโรเมติกส์ โดยไตรมาส 3 ปี 2551 กำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่ม (Integrated Margin) ที่ไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันอยู่ที่ 5.7 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เท่ากับในไตรมาส 3 ปีก่อน
อย่างไรก็ตาม จากวิกฤตเศรษฐกิจของสถาบันการเงินที่เริ่มต้นจากสหรัฐอเมริกาและขยายไปยังภูมิภาคอื่นๆของโลก ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว โดยราคาน้ำมันดิบดูไบ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2551 ที่ 128 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลงมาอยู่ที่ 96 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2551 รวมทั้งราคาน้ำมันสำเร็จรูปได้ปรับตัวลดลงทุกชนิด ทำให้บริษัทมีผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันสูงกว่า 7,594 ล้านบาท และมีผลขาดทุนก่อนดอกเบี้ยภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและรายจ่ายตัดบัญชี (Negative EBITDA) จำนวน 5,541 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทและบริษัทย่อยมีดอกเบี้ยจ่ายจำนวน 581 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120 ล้านบาทจากความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนของบริษัท ในขณะที่ราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูง จึงส่งผลให้บริษัทและบริษัทย่อยมีผลขาดทุนสุทธิรวมกว่า 5,802 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2551 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายจำนวน 333,904 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 134,094 ล้านบาท เป็นผลจากราคาน้ำมัน และอัตราการผลิตที่ยังคงอยู่ในระดับสูง บริษัทและบริษัทย่อยมี EBITDA จำนวน 17,517 ล้านบาท ลดลง 5,519 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากผลกระทบจากสต๊อกน้ำมัน ดังนั้น บริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิรวมใน 9 เดือนแรกของปี 2551 จำนวน 8,617 ล้านบาท ลดลง 7,047 ล้านบาทจาก 9 เดือนแรกของปี 2550
ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้นวานนี้ (10 พ.ย.) ราคาหุ้นปรับตัวลดลงตามทิศทางตลาดหุ้น โดยปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 23.10 บาท ก่อนจะมีแรงเทขายออกมาจนปิดที่ราคาต่ำสุด 22.50 บาท ลดลงจากวันก่อน 0.30 บาท คิดเป็น 1.32% มูลค่าการซื้อขาย 145 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|