ในอดีตที่รุ่งเรืองเมื่อหลายปีก่อน แบงก์อเมริกาเคยยืนอยู่ในแถวหน้าสุดของการจัดอันดับธนาคารชั้นนำในสหรัฐฯ
วัดจากขนาดของสินทรัพย์ แต่หลังจากเกิดวิกฤติการณ์หนี้เสียของประเทศในโลกที่สามเมื่อต้นทศวรรษที่
80 แล้ว อันดับของแบงก์อเมริกาก็กลับถูกซิตี้คอร์ปและเชสแมนฮัตตันเซงหน้าไป
อันที่จริงในช่วงที่เกิดวิกฤติหนี้เสียนั้น ธนาคารชั้นำในหสรัฐฯ ล้วนได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า
เพิ่งจะมาฟื้นตัวได้ก็ในช่วงปีสองปีให้หลังนี่เองโดยเฉพาะชิตี้คอร์ปซึ่งสามารถทำรายได้พุ่งทะยานขึ้นถึง
1.9 พันล้านดอลลาร์ในปี 2531 และถูกจัดอยู่ในอันดับ 12 ในการจัดอันดับ 50
ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลกของนิตยสารฟอร์จูนโดย 10 อันดับแรกเป็นของธนาคารในญี่ปุ่นและอันดับ
11 เป็นของธนาคารในปารีส
ส่วนแบงก์อเมริกานั้นอยู่ในอันดับ 38 ด้วยรายได้ 726 ล้านดอลลาร์ซึ่งนิตยสารฟอร์จูนระบุว่าอยู่เหนือเกณฑ์รายได้เฉลี่ย
และจัดว่าเป็นตัวเลขที่ไม่เลวนักสำหรับธนาคารที่ประสบภาวะการขาดทุนตลอด 3
ปีที่ผ่านมาสืบเนื่องจากต้องมีการตั้งสำรองหนี้สูญเอาไว้สูงมาก
วิธีการแก้ปัญหนี้สูญและการขาดทุนอย่างหนักหน่วงของแบงก์อเมริกาก็คือลดค่าใช้จ่ายในรายการต่าง
ๆ ลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ มีการปลดพนักงานออกเป็นจำนวนมากยุบหรือขายสาขาและสำนักงานตัวแทนของธนาคารรวมทั้งกิจการในเครือที่ไม่สามารถทำกำไรได้
นโยบายเหล่านี้มาจากเอ.ดับลิว.เคลาเซ่น ประธานคณะกรรมการธนาคารและหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารแบงก์อเมริกา
ซึ่งหวนกลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัยหนึ่ง เพื่อแก้ปัญหาทั้งหลายที่สืบเนื่องมาจากเมื่อครั้งที่เขาดำรงตแหน่งนี้ในสมัยที่ผ่านมาก่อนหน้าจะไปอยู่ที่ธนาคารโลก
ทั้งนี้หนี้เสียทั้งหลายที่ปล่อยกู้กับประเทศในโลกที่สามเป็นผลงานในสมัยที่เขาดำรงตำแหน่งอยู่
ดังนั้นเขาจึงต้องกลับมาชำระสะสางปัญหาเหล่านี้ด้วยตัวเอง
นโยบายของสำนักงานใหญ่ที่ซานฟรานซิสโกเป็นนโยบายหลักที่สาขแาละสำนักงานทุกแห่งทั่วโลกต้องยึดถือปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด
ซึ่งในบางครั้งบางคราวก็เป็นเรื่องที่ไม่สอดคล้องกับสภาพทางธุรกิจของสาขาและสำนักงานในต่างประเทศสักเท่าใดนัก
อย่างกรณีที่เกิดขึ้นกับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์บีเอไฟแนนซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่แบงก์อเมริกาสาขาประเทศไทยถือหุ้น
100% เต็มและได้มีการขายให้กับกลุ่มศรีวิกรม์เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ก็เป็นผลมาจากการปฏิบัติตามนโยบายใหญ่โดยเคร่งครัดแต่ดูเป็นเรื่องสวนทางกับตลาดของธุรกิจประเภทนี้
เพราะในวงการต่างรู้ว่าธุรกิจเงินทุนหลักทรัพย์ในบ้านเรานั้นกำลัง "รุ่ง"
ขนาดไหน
ซี.เค.ฮัน กรรมการผู้จัดการบีเอไฟแนนซ์ ซึ่งเปลี่ยนชื่อมาเป็นบงล.ศรีธนา
จำกัด เล่าให้ "ผู้จัดการรายเดือน" ฟังว่าการทีบีเอไฟแนนซ์ต้องยึดถือตามนโยบายหลักของสำนักงานใหญที่ซานฟรานซิสโกนั้นเป็นเรื่องธรรมดา
"มันต้องเป็นไปในรูปนั้นคอต้องมองภาพในฐานะที่เราเป็นส่วนหนึ่งของภาพรวม
โดยที่ไม่สามารถคำนึงถึงตัวเองว่าทำแล้วมันจะกระทบถึงชื่อเสียงของตัวเอง
ทำแล้วมันจะเล็กตลอด มันไม่สามารถทำอย่างนั้นได้"
หากย้อนกลับไปดูประวัติความเป็นมาของไฟแนนซ์แห่งนี้เมื่อหลายสิบปีก่อนซึ่งยังใช้ชื่อเดิมว่า
"BAMERICAL" นั้นปรากฎว่ามีการทำธุรกิจเฉพาะด้านคอร์ปอเรท เลนดิ้งแต่เพียงอย่างเดียว
โดยให้เป็นแหล่งรองรับลูกค้าที่แบงก์อเมริกาจะโอนมา
ทั้งนี้ได้มีการแบ่งประเภทของลูกค้าโดยทางแบงก์ฯจะดูแลลูกค้าในตลาดระดับสูงคือบริษัทข้ามชาติใหญ่
ๆ เช่น สยามซิตี้ ซีเมนต์ สยามกลการ เป็นต้น ส่วนบีเอไฟแนนซ์ดูแลลูกค้าในตลาดระดับกลาง
เช่น ทีโอเอบางกอกเคเบิ้ล เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าฮันจะมีประสบการณ์คุมแผนกสินเชื่อที่แบงก์อเมริกาสาขาประเทศไทยอยู่
7 ปีเต็ม และมีตำแหน่งสุดท้ายเป็นผู้ช่วยรองผู้จัดการก่อนจะโอนมาเป็นกรรมการผู้จัดการที่บีเอไฟแนนซ์
แต่ประสบการณ์เหล่านี้ก็ไม่อาจจะช่วยหใบีเอไฟแนนซ์รอดพ้น่จากกาขาดทุนไปได้เมื่อประสบกับสภาวะเศรษฐกิจซบเซาในช่วงปี
2526-2529
ประกอบกับธุรกิจคอร์ปอเรท เลนดิ้งทำกำไรให้น้อยจึงได้มีการคิดแสวงหาผลกำไรด้านอื่น
ๆ จนในที่สุดได้หันมาจับธุรกิจเช่าซื้อ ซึ่งฮันเคยมีความชำนาญจากประสบการณ์สมัยที่ทำงานระยะเริ่มแรกกับบริษัทสยามเครดิต
ธุรกิจเช่าซื้อของบีเอไฟแนนซ์สามารถทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ จากที่ประสบการขาดทุนอยู่หลายล้านบาท
ก็ล้างได้หมดสิ้น และทำกำไรได้ 9 ล้านบาทในปี 2531
กิจการเช่าซื้อของบีเอไฟแนนซ์ยังไปได้ดี แต่ก็ไม่สามารถขยายตัวหรือมุ่งไปสู่ธุรกิจอื่น
ๆ ได้ สาเหตุสำคัญมาจากนโยบายของบริษัทแม่คือแบงก์อเมริกาซึ่งฮันเล่าว่า
"เขาอยากจะให้ทำเฉพาทะมีกำไรและปริมารธุรกิจไม่สูงนัก ซึ่งเมื่อมีการบังคับออกมาแบบนี้เราก็ต้องหาธุรกิจที่ไม่ต้องใช้เงินมากนัก
แต่ให้ผลตอบแทนสูง"
มูลเหตุสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือนโยบายหลักของสำนักงานใหญ่ที่ซานฟรานฯ ซึ่งต้องการขายกิจการในเครือออกไปและบีเอไฟแนนซ์ก็เป็นเป้าหมายอันหนึ่ง
กว่าที่แบงก์อเมริกาสาขาประเทศไทยจะขายบีเอไฟแนนซ์ได้นั้นก็ใช้เวลานานพอสมควรแม้จะมีผู้เสนอตัวขอซื้อหลายรายก็ตาม
ทั้งนี้เพราะแบงก์ค่อนข้างพิถีพิถันในการคัดเลือกและด้วยความสัมพันธ์ที่ดีและแน่นแฟ้นต่อกันมาเป็นเวลายาวนาน
กลุ่มศรีวิกรม์จึงมีเงื่อนไขที่ดีกว่ากลุ่มอื่น ๆ คือโค้วยู่ฮะและบริษัทเอไอเอ
ซึ่งเป็นบริษัทประกันชีวิตจากอเมริกาในไทย
ทั้งนี้กลุ่มศรีวิกรม์เป็นผู้ถือหุ้นรายหนึ่งในบริษัทอเมริกัน สแตนดาร์ด
(ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งของแบงก์อเมริกานี่เป็นเงื่อนไขที่ดีของกลุ่มศรีวิกรม์
กอรปกับกลุ่มก็เสนอรูปแบบการบริหารงานตามที่แบงก์ต้องการด้วย
รูปแบบดังกล่าวก็คือบงล.ศรีธนาอันเป็นชื่อใหม่ของบีเอไฟแนนซ์ยังคงทำธุรกิจเช่าซื้อเป็นด้านหลัก
แต่จะมีการขยายตัวในเรื่องของเฮ้าส์ซิ่งโพรเจคท์และเรียลบเอสเตท ซึ่งเป็นธุรกิจที่กลุ่มศรีวิกรม์มีความเชี่ยวชาญอยู่
นอกจากนี้อาจจะมีการทำด้านรีเทล แบงกิ้งบ้าง ส่วนธุรกิจค้าหลักทรัพย์นั้นกำลังอยู่ในระหว่างการขอใบอนุญาตจากแบงก์ชาติ
เพราะที่ผ่านมาบีเอไฟแนนซ์ถูกจัดเป็นบริษัทต่างชาติซึ่งไม่สามารถประกอบธุรกิจค้าหลักทรัพย์ได้
ฮันกล่าวว่าการซื้อขายบีเอไฟแนนซ์ครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและทำให้ผู้เกี่ยวข้องทุกคนมีความสุขกันอย่างถ้วนหน้า
ตัวเขาเองก็เลือกที่จะทำงานในตำแหน่งเดิมที่ศรีธนาและพนักงานทั้ง 60 ชีวิตก็ยังคงยืนหยัดอยู่ด้วยกัน
การเปลี่ยนผู้ถือหุ้นนโยบายบริหารรวมไปทั้งชื่อเสียงเรียงนาม ทำให้พนักงานยินดีไม่มีปัญหาอีกต่อไป
และคงไม่มีใครคิดแต่งดำเพื่อเป็นสื่อการประท้วงนโยบายบริหารแบบเงียบ ๆ เฉกเช่นเมื่อ
30 มิถุนายนที่ผ่านมา
นโยบายหลักจากสำนักงานใหญ่เพิ่งจะทำให้พนักงานของบริษัในเครือมีความสุขก็คราวนี้เอง
ฮันเปิดเผยให้ "ผู้จัดการรายเดือน" ฟังว่าก่อนหน้านี้บีเอไฟแนนซ์มีความไม่คล่องตัวในการทำธุรกิจหลายอย่างเพราะการจำกัดโดยนโยบายของสำนักงานใหญ่
เช่น ฮันเคยเสนอให้ทำธุรกิจไฟแนนซ์บ้านและที่ดิน แต่ช่วงนั้นแบงก์อเมริกาเพิ่งประสบการขาดทุนในธุรกิจนี้ที่แคลิฟอร์เนีย
และยังมีปัญหาคาราคาซังที่ฮ่องกงอีก แม้ฮันจะอธิบายว่าประสบการณ์ของแต่ละประเทศนั้นมีความแตกต่างกัน
แต่ทว่าแบงก์ก็ไม่ต้องการที่จะเสี่ยง
หรืออย่างนโยบายที่ตายตัวในเรื่องของการจ้างงานด้วยระบบ HEAD COUNT หรือการควบคุมปริมาณคนซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นกับระบบธนาคารแต่ใช้ไม่ได้ในธุรกิจเช่าซื้อของเมืองไทยที่มีการแข่งขันกันสูงมาก
กระทั่งกรณีเล็กน้อยในเรื่องของอุปกรณ์สำนักงานเครื่องคอมพิวเตอร์ บริษัทลูกอย่างบีเอไฟแนนซ์ก็ต้องรับซื้อต่อจากแบงก์
เมื่อแบงก์ต้องการเปลี่ยนไปใช้ของรุ่นใหม่ ๆ
เมื่อบีเอไฟแนนซ์ถูกขายเปลี่ยนมือมาเป็นศรีธนาแล้วนั้นหลายอย่างมีการเปลี่ยนใหม่และฮันก็ตั้งความหวังว่า
"มันจะเป็นผลดีต่อเราที่จะมีโอกาสในการเจริญเติบโตและคิดว่าเป็นผลดีแก่ทุกฝ่าย"
แบงก์อเมริกาคงจะเป็นฝ่ายที่ยินดีไม่น้อยไปกว่าบรรดาพนักงานบีเอไฟแนนซ์
แม้ว่ามูลค่าการขายที่ได้มาราว 240 ล้านบาทจะคิดเป็นกำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อเทียบค่าเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐก็ตาม