|
“เมืองไทยประกันภัย”รุก ตอ.รับเป้าเติบโตปี 52 อีก 10-15%
ผู้จัดการรายวัน(10 พฤศจิกายน 2551)
กลับสู่หน้าหลัก
นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน)แถลงการรุกตลาดภาคตะวันออกอย่างเป็นทางการ ที่โรงแรมเดอะไทด์ รีสอร์ท บางแสน เมื่อเร็วๆนี้
“เมืองไทยประกันภัย” รุกขยายฐานผู้เอาประกันในต่างจัง หวัดรับการแข่งขันปี 52โดยเลือกภูมิภาคตะวันออกเป็นแห่งแรก พร้อมตั้งเป้าขยายเบี้ยประกันเพิ่มอีก 10-15% จากยอดเบี้ยประกันในปี 51 ที่มีประมาณ 4,050 ล้านบาท เผยเร่งสร้างพันธมิตรทางการค้าและอู่คู่สัญญาในภาคตะวันออก พร้อมสรรหาตัวแทนในจังหวัดต่างๆให้ครบ ก่อนบุกภูมิภาคอื่น เหตุเลือกพื้นที่แห่งนี้เป็นจุดแรก เพราะมีประชากรและโรงงานอุตสาหกรรมมาก ขณะเดียวกันยังเตรียมเปิดตัวหนังโฆษณาใหม่เพื่อตอกย้ำแบรนด์ให้คนต่างจังหวัดรู้จักมากขึ้น
นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เผยถึงการจัดแถลงข่าวเพื่อเปิดกลยุทธ์ขยายตลาดในภูมิภาค ของ บมจ.เมืองไทยประกันภัย โดยเลือกพื้นที่ภาคตะวันออกเป็นแห่งแรกและเป็นฐานหลักว่า ภายหลังจากที่บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัดได้มีการควบรวมกิจการกับบริษัท ภัทรประกันภัย จำกัด (มหาชน) เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะก้าวสู่การเป็นบริษัทประกันวินาศภัยที่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศ ภายในระยะเวลา 3 ปี
ปัจจุบันบริษัทฯ มีฐานะเงินกองทุนที่มั่นคง กล่าวคือ มีเงินกองทุนสำรองกว่า 2.8 พันล้านบาทถือเป็นจำนวนเงินที่สูงถึง 7 เท่าที่คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบการธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ.ได้กำหนดไว้ และยังมีสิน ทรัพย์สำรองไม่น้อยกว่า 6 พันล้านบาท
ภายหลังการควบรวมกิจการ บริษัทฯ มีจึงนโยบายที่จะขยายตลาดในภูมิภาคเนื่องจากเห็นว่าธุรกิจประกันภัยในภูมิภาคยังสามารถขยายฐานลูกค้าได้อีกมาก ที่สำคัญยังเลือกพื้นที่ภาคตะวันออกเป็นพื้นที่แรกในการสร้างพันธมิตรทางการค้าและอู่คู่สัญญา ซึ่งปัจจุบันมีอยู่แล้วจำนวน 28 แห่ง นอกจากนั้นยังเดินหน้าคัดเลือกบุคลากรที่มีคุณภาพ เพื่อแต่งตั้งเป็นตัวแทนสาขาในจังหวัดต่างๆ ของภาคตะวันออก ซึ่งขณะนี้ขาดอยู่เพียงจังหวัดตราดเท่านั้น และคาดว่าจะสรรหาตัวแทนดำเนินการได้ในเร็วๆ นี้ และหลังจากขยายฐานตลาดในพื้นที่แห่งนี้แล้วเสร็จก็จะสรรหาตัวแทนในภูมิภาคอื่นๆ ต่อไป
“การเลือกภาคตะวันออก เป็นเป้าหมายหลักในการขยายตลาดภูมิภาค และเป็นพื้นที่แรกในการเพิ่มสำนักงานตัวแทนก็เพราะเห็นว่าภาคตะวันออกมีประชากรและโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมากจึงเหมาะแก่การขยายฐานลูกค้า โดยในปี 2552 จะเพิ่มจุดขายและงาน บริการที่หลากหลายไม่ว่าการเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมความต้องการของลูกค้า เช่นประกันภัยรถยนต์ 5+พลัส ประกันภัยบ้านเมืองไทยฯลฯ การกำหนดราคาและเงื่อนไขที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าและอื่นๆ โดยก่อนควบรวมกิจการเรามีเบี้ยประกันในพื้นที่ภาคตะวันออกประมาณ 4% ของเบี้ยประกันทั้งหมด 4,050 ล้านบาท และคาดว่าในปีหน้าเบี้ยประกันในภูมิภาคแห่งนี้จะเพิ่มเป็น 7% ”
นางนวลพรรณ ยังเผยอีกว่าในปี 2552 บริษัทฯ มีแผนที่จะสร้างตัวแทนที่มีคุณภาพให้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 100 ราย จากเดิมที่มีอยู่แล้วประมาณ 311 รายทั่วประเทศในปี 2551 ขณะเดียวกันก็จะขยายสำนักงานตัวแทนในทั่วประเทศอีกประมาณ 35 แห่ง และจะขยายศูนย์การให้บริการแก่ลูกค้าครอบคลุมในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเ ฉียงเหนือและภาคใต้ โดยคาดว่าภายหลังการรุกตลาดภูมิภาคอย่างจริงจังจำนวนเบี้ยประกันจะเติบโตจากปี 2551 อีกประมาณ 10-15%
“วิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังลุกลามไปทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อธุรกิจประกันภัยค่อนข้างน้อยในแง่ของยอดรายได้ โดยในปีนี้บริษัทมียอดเติบโตทางธุรกิจถึง 40% เพราะประชาชนยังคงตระหนักถึงการทำประกันภัย อย่างไรก็ดี วิกฤตเศรษฐกิจก็ส่งผลต่อสินทรัพย์ที่เราลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เช่นกัน แต่เนื่องจากสินทรัพย์ที่เราลงทุนมีน้อย ก็เลยไม่กระทบกระเทือนเท่าไร ส่วนในปี 2552 ที่มองว่าจะมีการเลิกจ้างเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกที่มีโรงงานอุตสาหกรรม เราก็กังวลเรื่องการตั้งเป้าเบี้ยประกันเช่นกัน แต่ก็พยายามที่จะใช้กลยุทธ์การตลาดเพื่อตอกย่ำแบรนด์ให้ประชาชนในต่างจังหวัดรู้จักเรามากที่สุด และในเร็วๆ นี้ก็จะออกหนังโฆษณาใหม่เพื่อให้ผู้เอาประกันรู้จักเรามากยิ่งขึ้น ” นางนวลพรรณ กล่าว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|