แก้หนี้เสีย 1.57แสนล.ฉลุย "เวิร์กชอป" ทุบNPL16พ.ย.


ผู้จัดการรายวัน(7 สิงหาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

แบงก์ชาติเตรียมทำเวิร์กชอปปรับโครงสร้างหนี้เน่าอีกรอบ 16 พ.ย.นี้ หวังแก้ปัญหาคาราคาซังนี้ให้เบ็ดเสร็จ หลังพบลูกหนี้กลุ่มที่อยู่ระหว่างเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ มูลหนี้เพิ่มขึ้นกว่า 3 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะลูกหนี้แบงก์พาณิชย์เอกชน คาดทั้งปีนี้ เอ็นพีแอลระบบสถาบันการเงินไทยจะลดลงได้อีก เพราะกลุ่มลูกหนี้เน่าใหญ่สุดมูลหนี้กว่า 1.57 แสนล้านบาท ปรับโครงสร้างได้ตามเป้าภายในก.ย.นี้แน่ ประกอบกับพ.ย.จะเป็นช่วงปิดงวดบัญชีแบงก์ ต้องทำตัวเลขให้ดูดี อีกทั้งจะเร่งประสานงานกับศาลลดขั้นตอนศาลให้เร็วขึ้น เพื่อปรับโครงสร้างหนี้เพิ่ม ลดปัญหาหนี้เน่าให้เหลือน้อยที่สุด

นายทำนอง ดาศรี ผู้อำนวยการสายปรับโครงสร้างหนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยวานนี้ (6 ส.ค.) ว่าการปรับโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้กลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่ม ที่ ธปท. ประชุมเชิงปฏิบัติการ (เวิร์กชอป) ช่วงต้นปีนี้

กลุ่มแรกลดหนี้เน่าสำเร็จ

กลุ่มแรกคือกลุ่มปรับปรุงโครงสร้างหนี้เสร็จแล้ว อยู่ระหว่างผ่อนชำระ นับว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย จากเดิมลูกหนี้กลุ่มดังกล่าวมูลหนี้เน่ารวมประมาณ 157,000 ล้านบาท มีเป้าหมายจะต้องปรับโครงสร้างหนี้ให้เสร็จภายในก.ย.นี้ ซึ่ง มี.ค.กลุ่มนี้เหลือมูลหนี้เพียง 38,898 ล้านบาท ลดลงจาก ธ.ค. 45 ถึง 11,479 ล้านบาท

กลุ่ม 2 มีปัญหา

กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มที่อยู่ระหว่างเจรจามูลหนี้เน่าเพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีมูลหนี้เน่ารวมประมาณ 300,000 ล้านบาทจากเป้าหมายเดิม ที่ต้องเจรจา ให้ได้ข้อยุติภายใน 27 พ.ย.นี้ ปรากฏว่ามูลหนี้เน่าเพิ่มขึ้นจาก ธ.ค.45 ที่มีมูลหนี้ประมาณ 287,880 ล้านบาท จนถึง มี.ค.ปีนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 311,135 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของธนาคารพาณิชย์ไทย จาก 256,429 ล้านบาท ธ.ค. 45 เป็น 287,297 ล้านบาท มี.ค. ปีนี้

การเพิ่มขึ้นของหนี้เน่าดังกล่าว สามารถแยกเป็นการเพิ่มขึ้นของหนี้เน่ากลุ่มธนาคารพาณิชย์รัฐ ซึ่ง ณ ธ.ค.45 มูลหนี้ประมาณ 71,166 ล้านบาท เป็น 75,370 ล้านบาท มี.ค.ปีนี้ เป็นการ เพิ่มขึ้นของหนี้เน่าธนาคารพาณิชย์เอกชน จาก 185,263 ล้านบาท เป็น 211,927 ล้านบาท

เวิร์กชอปแก้หนี้เน่าอีกรอบ 16 พ.ย.

"ลูกหนี้กลุ่มที่ 2 หรือกลุ่มที่อยู่ระหว่างการเจรจายังเป็นหนี้ที่มีปัญหาแบงก์ชาติจึงมองว่า การดำเนินการคงไม่เป็นไปตามเป้าหมายอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงจะต้องมีการทบทวนหรือหารือกันใหม่กับสถาบันการเงินโดยจะมีการ นัดประชุมเชิงปฏิบัติการกันอีกครั้งในวันที่ 16 พ.ย.นี้ ซึ่งจะเป็นการหารือ เพื่อหาแนวทางให้บรรลุเป้าหมายให้ได้" เขากล่าว

สำหรับกลุ่มที่ 3 กลุ่มหนี้เน่า อยู่ระหว่างดำเนินคดีและบังคับคดี เป้าหมายเดิม กำหนด ให้ลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างดำเนินคดี ระยะเวลาเจรจา ไม่เกิน 63 วัน ส่วนลูกหนี้ที่อยู่ในช่วงบังคับคดี มีกรอบเจรจาไม่เกิน 45 วัน ที่ผ่านมามีการเจรจา และประสบความสำเร็จอย่างดี แต่เมื่อเทียบเป็น มูลหนี้ที่เจรจาสำเร็จกับที่มีปัญหา ยังไม่เข้าเป้า เพราะลูกหนี้ส่วนใหญ่อยู่ต่างจังหวัด

ลูกหนี้กลุ่มดังกล่าว ธปท. ส่งหนังสือเพื่อขอให้สมัครใจเข้ามาเจรจา ซึ่งได้ดำเนินการ เม.ย. จนถึง ก.ค.ปีนี้ เจ้าหนี้ทยอยส่งรายชื่อลูกหนี้ ที่จะเจรจาด้วยมาแล้ว 2,217 ราย เป็นมูลหนี้ 18,507 ล้านบาท ขณะที่ลูกหนี้ตอบรับเจรจาแล้ว 417 ราย มูลหนี้รวม 5,758 ล้านบาท

สำหรับหนี้เน่าอยู่ระหว่างดำเนินคดี 417 รายข้างต้น เพียง 4 เดือนแรกปีนี้ ที่เจรจามีข้อยุติแล้ว 139 ราย เป็นมูลหนี้รวม 1,017 ล้านบาท โดยเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำเร็จ 109 ราย มูลหนี้ 722 ล้านบาท เจรจาสำเร็จ 78% ของ ลูกหนี้ที่มีข้อสรุปแล้ว เขามองว่าลูกหนี้กลุ่ม ดังกล่าวจะถูกฟ้องร้อง ศาลพิพากษาแล้ว และอยู่ระหว่างบังคับคดี แต่ยังมีโอกาสเจรจานอกกระบวนการศาลได้ โดยธปท.เป็นคนกลางได้ สำเร็จ

พ.ย.คาดหนี้เน่าลด

ความคืบหน้าแก้ไขปัญหาเอ็นพีแอล ภายหลังปรับกลยุทธ์เชิงรุกติดตามแก้ไขปัญหานี้ โดยแบ่งลูกหนี้ตามสถานะ สิ้น มี.ค.ปีนี้ หนี้เน่าส่วนธนาคารพาณิชย์และบริษัทเงินทุน รวม 776,876 ล้านบาท คิดเป็น 16.08% ของมูลหนี้เน่า ทั้งหมดของระบบสถาบันการเงินไทย คาดว่าสิ้นปีนี้ เอ็นพีแอลจะลดลงอีกจำนวนหนึ่ง โดยช่วง พ.ย.จะเห็นชัดเจนขึ้นว่า เอ็นพีแอลทั้งปีนี้ จะลดเหลือเท่าใด เนื่องจากต้องรอปิดงวดบัญชี ซึ่งจะเป็นช่วงที่ธนาคารพาณิชย์แก้ไขเอ็นพีแอลให้มีตัวเลขที่ดี

นอกจากนี้ ลูกหนี้กลุ่มที่อยู่ในขั้นตอนดำเนินการทางกฎหมาย จะประสานงานระหว่างธนาคารพาณิชย์กับศาลมากขึ้น เพื่อให้กระบวนการต่างๆ รวดเร็วลดขั้นตอน ซึ่งจะส่งผลให้มีการเจรจา และปรับโครงสร้างหนี้ เพิ่มขึ้นแน่นอน



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.