ออป.หรือองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้กำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2490 ด้วยจุดประสงค์เพื่อเข้าดำเนินกิจการทำไม้สักอันเป็นไม้มีค่าของชาติด้วยตนเอง
หลังจากที่ปล่อยให้ต่างชาติกอบโกยผลประโยชน์จากไม้สักมาเป็นเวลาช้านาน แม้ว่าประสิทธิภาพการทำไม้ของเจ้าหน้าที่รัฐฯในระยะเริ่มต้นจะกระท่อนกระแท่นอยู่มากก็ตามที
ทว่าภาพของ ออป.ในความรู้สึกของคนไทยก็ให้เป็นที่น่าชื่นใจมิบันเบาเลยทีเดียว
แต่เบื้องข้างของการจัดตั้ง ออป.นั้นเป็นกรณีหนึ่งที่ชี้ให้เห็นถึงแนวทางการพัฒนาอขกงลุ่มทุนขุนศึกที่มี
"จอมพลผ้าขะม้าแดง" จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้กำลังเรืองอำนาจในยุคนั้นเป็นหัวขบวน
ซึ่งมีความพยายามอย่างสูงต่อการผนวกสายอำนาจทั้งทางการเมือง สังคม และเศรษฐกิจให้มารวมศูนย์อยู่กับกลุ่มของตนอย่างเบ็ดเสร็จ
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอันใดเลยที่หน่วยงาน ออป.ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งที่มองเห็นผลประโยชน์ข้างหน้าอยู่รำไรจากการกุมทรัพย์ที่มีค่าเป็นพันหมื่นล้านบาทอย่าง
"ป่าไม้" จะปรากฎแต่คนที่ล้วนเป็นเงาอำนาจของจอมพลผ้าขะม้าแดงเข้าไปเป็น
"ใหญ่" เสียแทบทั้งสิ้น
วันธรรมการขยายและสืบทอดอำนาจดังกล่าวนี้เองที่หยั่งรากลึกความชั่วร้ายโสมมแล้วสานต่อเป็นขบวนการทำมหากินกับ
ออป.อันเกิดจากคนเป็นใหญ่ใน ออป.ที่สืบเนื่องมาถึงปัจจุบันอย่างน่ากลัวยิ่งนัก
"ยากที่จะเข้าไปแตะต้องเส้นสายอำนาจที่เป็นใหญ่ใน ออป.ได้เลยพวกน้มีการแบ่งปันผลประโยชน์กันโดยเสมอภาคเลนทำให้ไม่มีข่าวคาวฉาวโฉ่ปรากฎออกมา
ทั้ง ๆ ที่ขบวนการทำมาหากินใน ออป.ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าแก๊งต่าง ๆ ในกรมป่าไม้เท่าใดนัก"
แหล่งข่าวคนหนึ่งบอกกับ "ผู้จัดการ"
ก็น่าจะเป็นจริงอย่างนี้เพราะตำแหน่งผู้อำนวยการ "ผู้จัดการได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวที่คลุกคลีกับ
ออป.มาช้านานท่านหนึ่งว่า "ผู้อำนวจการคนหนึ่งในยุคหนึ่งต้องใช้เงินวิ่งเต้นเพื่อให้มานั่งในตำแหน่งนี้สูงถึง
40-50 ล้านบาท
รูปธรรมเด่นชัดของกลุ่มอำนาจใน ออป.ประการหนึ่งที่อาจตั้งข้อสังเกตได้ก็คือ
การแต่งตั้งตัวแทน ซึ่งเป็นคนของ ออป.เข้าไปเป็นกรรมการหรือประธานกรรมการในบริษัทจังหวัดทำไม้ต่าง
ๆ ในอดีตนั้นจะเห็นว่าคน ๆ หนึ่งมีชื่อร่วมเป็นคณะกรรมการการบริษัทมากกว่า
2-3 แห่ง ซึ่งเคยมีความพยายามอยู่เหมือนกันที่จะสลายอำนาจอขงคนกลุ่มนี้ด้วยการดัน
"สายเลือดใหม่" ที่เป็นคนหนุ่มมีความกระตือรือร้นและมีความรอบรู้ในเรื่องการทำไม้ให้เข้าไปเป็นกรรมการ
แต่ก็ไม่อาจต้านกระแสกดดันจากลุ่มอำนาจเก่าที่ประสานความร่วมมือเป็นอย่างดีกับพ่อค้าไม้ได้ในที่สุดก็ต้องล่าถอยออกมา
โดยเงื่อนไขที่ ออป.เองแทบจะไม่มีการพัฒนาตนเองในเรื่องของการทำไม้ ชีวิตที่อู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้เป็นเพราะฝากฝังรูจมูกคนอื่นเขาหายใจ
จึงเป็นเรื่องที่หลายคนสงสัยมากเหมือนกันว่า "ออป.จะสามารถทำไม้อย่างมีประสิทธิภาพได้ด้วยตนเองหรือไม่"
ประเด็นที่น่าตั้งข้อสังเกตอีกเรื่องหนึ่งก็คือ การที่ ออปเข้าไปร่วมถือหุ้นกับบริษัทจังหวัดทำไม้ต่าง
ๆ บริษัทละ 20% และต่อมาได้รับการอนุมติให้เพิ่มทุนได้เป็น 46.67% หรือเกือบครึ่งของจำนวนหุ้นทั้งหมด
แต่กลับปรากฏว่าเงินปันผลที่ ออป.ได้รับในแต่ละปีเพียง 20 ล้านบาทไม่เคยสูงถึงร้อยล้านบาท
ทั้ง ๆ ที่แต่ละปี ๆ พ่อค้าไม้ที่ถือหุ้นไม่มากนักกลับมั่งคั่งจนกู่ไม่กลับราวกับเป็นเรื่องเหลือเชื่อ
ออป.เป็นรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินงานอย่างครบวงจรนับตั้งแต่การปลูกสวนป่า การจัดให้มีโรงเลื่อยจักรและโรงงานอุตสาหกรรมไม้
5 แห่ง และร่วมถือหุ้นในบริษัท ไม้อัดไทย เพื่อดำเนินการผลิตไม้อัดในเชิงการค้า
ส่วนฐานะของ ออป.มีสินทรัพย์ในรูปต่าง ๆ รวม 1,800 กว่าล้านบาท ในปี 2529
ซึ่งนับว่ามั่งคั่งไม่เบาเมื่อเทียบกับบทบาทการพัฒนาป่าไม้ที่อาศัยคนอื่น
แต่ผลงานที่ออกมาในแต่ละปีไม่อาจกล่าวได้ว่า ออป.ประสบผลสำเร็จอย่างน่าภาคภูมิ
ดูกันง่าย ๆ แค่การผลิตไม้อัดก็มีปัญหามากจนบริษัทไม้อัดไทยเดินไม่เป็นท่ามาแล้ว
นอกจากนี้ผลผลิตไม้ของ ออป.ทั้งที่ทำด้วยตนเองและที่ร่วมกับบริษัทจังหวัดทำไม้ยังไม่อาจเป็นแนวปะทะไม้จากต่างประเทศไดมากนัก
ปล่อยให้ไม้นำเข้าสามารถกดราคาได้ตามอำเภอใจก็น่าเป็นห่วงอยู่มากหาก ออป.จะเข้ามาทำไม้อย่างสมบูรณ์แบบในอนาคตแหล่งข่าวให้ความเห็น
การปลูกสร้างสวนป่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิผลการทำงาของ
ออป.ได้แจ่มชัด ออป.เริ่มโครงการปลูกสร้างสวนป่ามาตั้งแต่ปี 2510 จนถึงปัจจุบันกินเวลาเข้าไปแล้ว
22 ปีแต่กลับปลูกสร้างสวนป่าได้เพียง 388,914 ไร่ ซึ่งนับว่าน้อยมากหากเปรียบเทียบกับเงินลงทุนที่ลงไปกว่าพันล้านบาท
หนำซ้ำสวนป่าของ ออป.ก็ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักมากว่า "ไม่ได้คุณภาพเท่าที่ควร"
ออป.เองก้ได้แต่แก้เกี้ยวเป็นพัลวันว่าไม่ได้รับความเอาใจใส่จากรัฐบาลที่จะจัดสรรงบประมษณในการดูแลและรักษาบำรุงอย่างที่ควรจะได้จริง
ๆ
"ออป.พูดอย่างนี้ไม่ถูกนักเพราะถ้าจะพูดถึงโครงการสวนป่าของ ออป.กับสวนป่าของกรมป่าไม้โดยสัดส่วนการลงทุนต่าง
ๆ นั้นไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แต่ผลที่ออกมาสวนป่าของกรมป่าไม้ได้รับการเชื่อถือมากกว่า
ซึ่งคนของ ออป.หลายคนก็ยอมรับความจริงในข้อนี้" ผู้ปฏิบัติงานสวนป่าของกรมป่าไม้บอกกับ
"ผู้จัดการ"
ในสภาพการณ์ที่เป็นจริงในขณะนี้จึงไม่อาจหาหลักประกันความมั่นใจจากโครงการ
"สวนป่า" ของ ออป.ที่จะมาชนกับไม้ที่นำเข้าซึ่งนับวันราคาจะพุ่งสูงขึ้นอย่างอบอุ่นใจได้เลยจริงๆ
!!!