SSIจับพิรุธเหล็กนำเข้าส่อทุ่มตลาด


ผู้จัดการรายวัน(4 สิงหาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

สหวิริยาสตีลฯ จับตา หลังพบปริมาณเหล็กแผ่นรีด ร้อนฯนำเข้าเริ่มสูงอย่างผิดสังเกต โดยนำเข้ามาจาก 14 ประเทศที่ถูก AD และนอกกลุ่มประเทศดังกล่าว หลังรัฐผ่อนผันการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด 10 พิกัดที่ใช้ใน 4 อุตสาหกรรมต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี หวั่นหวนกลับมาทุ่มตลาดในไทยอีกครั้ง

หลังจากระทรวงพาณิชย์ได้ผ่อนผันการนำเข้าเหล็กแผ่นรีดร้อน โดยยกเว้นการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด(AD)สำหรับ 10 พิกัด ที่นำเข้าไปผลิตในอุตสาหกรรม ต่อเนื่องทั้ง 4 ประเภท คือ ยานยนต์ และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า งานเคลือบสังกะสีสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า และงานเคลือบสังกะสีที่เข้มงวดเรื่องความเรียบร้อย

โดยให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต่อเนื่องในการซื้อสินค้าเหล็กรีดร้อน เพื่อไปรีดเย็นต่อ ต้องซื้อเหล็กรีดร้อนในประเทศในอัตราร้อยละ 55, 63 , 77, 91 และ 99 ของปริมาณการใช้เหล็กรีดร้อนเพื่อไปรีดเย็นในแต่ละปี เป็นเวลา 5 ปี

นายวิน วิริยประไพกิจ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) (SSI) กล่าวว่า ขณะนี้ปริมาณการนำเข้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเริ่มเพิ่มขึ้นจนผิดสังเกต ซึ่งเป็นการนำเข้าจากประเทศที่ถูกโต้ตอบการทุ่มตลาด 14 ประเทศ และนอกเหนือจากประเทศที่ถูกตอบโต้ ซึ่งบริษัทฯได้จับตาดูอยู่อย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯไม่ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังกระทรวงพาณิชย์ เพราะต้องรอดูข้อเท็จจริงก่อนว่า เหล็กแผ่นรีดร้อนที่นำเข้ามานั้นมีการสำแดงนำเข้าถูกพิกัดหรือไม่ เพราะพิกัดเหล็กแผ่นรีดร้อนของไทยมีกว่า 100 พิกัด มีบางพิกัดเท่านั้นที่ประกาศเก็บภาษี AD ส่วนพิกัดที่เหลือต้องเสียภาษี AD หวั่นว่าจะมีผู้นำเข้าบางรายเลี่ยงภาษี โดยมาสำแดงเท็จ

รวมทั้ง ราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนนำเข้าฯนั้นต้องไม่ขายต่ำเกินจริง หรือเป็นการทุ่มตลาดในประเทศ หากพบว่าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ก็จะทำหนังสือร้องต่อกระทรวงพาณิชย์ให้ดำเนินการตอบโต้ ก่อนที่อุตสาหกรรมในประเทศจะได้รับความเดือดร้อน

แหล่งข่าวจาก SSI ได้กล่าวว่า ขณะนี้แนวโน้มทั่วโลกต่างใช้วิธีปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กภายในประเทศ แต่ผู้ประกอบการเหล็กแผ่นรีดเย็นของไทยไม่ยอมรับคุณภาพเหล็กแผ่นของ SSI ทั้งๆ ที่ผลิตได้ตามคุณภาพก็ตาม ทำให้กระทรวงพาณิชย์ตัดสินใจผ่อนผัน ยกเว้นการเรียกเก็บ AD ใน 10 พิกัดที่ใช้ใน 4 อุตสาหกรรมข้างต้น

นายวิน กล่าวถึงผลกระทบหลังรัฐผ่อนผันการเรียกเก็บ AD เหล็กแผ่นรีดร้อนนำเข้าว่า ทำให้ปริมาณการขายเหล็กแผ่นรีดร้อนในประเทศน้อยลงไปตามสัดส่วนการนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งในปีนี้บริษัทได้ปรับเป้าหมายการผลิต ใหม่จากเดิม 2.4 ล้านตันเป็น 2.1 ล้านตันแทน

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะมุ่งพัฒนาเหล็กแผ่นรีดร้อนฯ ให้มีคุณสมบัติตามที่ผู้ใช้ในประเทศเรียกร้อง หวังทดแทนการนำเข้าในอนาคต โดยเงินที่ใช้ในการลงทุนพัฒนานั้นมาจากเงินทุนหมุนเวียน

โดยปีนี้ บริษัทฯมีแผนออกหุ้นกู้จำนวน 6 พันล้านบาท อายุ 5 ปีก่อนสิ้นปี 2546 เพื่อนำมาชำระหนี้และใช้ลงทุนในโครงการใหม่ รวมทั้งเจรจากับเจ้าหนี้รายเดิม 2 รายเพื่อรีไฟแนนซ์หนี้ 1.2 หมื่นล้านบาท หวังลดต้นทุนทางการเงินทำให้ ต้นทุนต่อหน่วยลดต่ำลง

รวมทั้งอยู่ระหว่างการดำเนินงานโครงการ Pickle and Oil เพื่อป้อนอุตสาหกรรมยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า มูลค่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งดำเนินการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในธันวาคมนี้

ปัจจุบันไทยมีกำลังการผลิตเหล็กแผ่น รีดร้อนถึง 6.50 ล้านตัน คิดเป็นสินทรัพย์รวม 8.18 หมื่นล้านบาท ขณะที่ความต้องการใช้ภายในประเทศอยู่ที่ 4.80 ล้านตัน โดยมีผู้ประกอบการเหล็กแผ่นรีดเย็น 3 รายในประเทศ คิดเป็นกำลังการผลิต 1.8 ล้านตัน โดยมีเหล็กแผ่นรีดร้อนที่นำเข้าที่นำไปใช้รีดเย็นจำนวน 5 แสนตัน

โบรกฯ แนะซื้อ SSI ชี้ราคาหุ้นต่ำ

บริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส วิเคราะห์หุ้น SSI ว่า ความผันผวนของตลาดส่งออกที่เกิดขึ้นในไตรมาส 2/2546 ของ SSI ทำให้ต้องปรับ Product Mix รวมทั้งการหยุดเตาหลอมเหล็กในพ.ย.นี้ ทำให้ปริมาณการผลิตลดลง จึงปรับเป้าหมายการผลิตลดลงเหลือ 2.08 ล้านตัน โดยครึ่งปีหลังจะต้องขายให้ได้ 1.05 ล้านตัน ซึ่งเป็นการขายในประเทศทั้งหมดเพราะไม่มีออร์เดอร์ส่งออกไปต่างประเทศเพิ่ม หากจะส่งออกในครึ่งปีหลังจะเป็นแบบ Spot

ส่วน Metal Spread ในครึ่งปีหลังจะลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะราคาวัตถุดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งมีผลต่อผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง จากการประเมินผลกระทบต่างๆ คาดว่ากำไรสุทธิในปี 2546 จะลดลง 22.3% และคาดว่าจะลงอีก 5.8% ในปี 2547 แต่ PE ก็ยังต่ำเพียง 4.9% และ 5.2% ในปีถัดไป เราจึงยังแนะนำให้ซื้อ โดยมีราคาเป้าหมายอยู่ที่ 11.20 บาท สูงกว่าราคาปัจจุบัน 12.0%

บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน แสดงความเห็นไปในทางเดียวกับโบรกเกอร์รายอื่น คาดการณ์ครึ่งปีหลัง SSI มีแนวโน้มกำไรปรับตัวลดลง 27% เมื่อเทียบจากปีก่อน มาอยู่ที่ 2,509 ล้านบาท

แต่บริษัทฯเตรียมขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ซึ่งจะเป็นผลดีต่อ SSI ในระยะยาว ดังนั้นจึงแนะนำให้ซื้อ โดยราคาเป้าหมายระยะสั้นของเราอยู่ที่ระดับ 11 บาท และระยะยาว 14 บาท



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.