ปรับเป้าศก.โต5.5% ปลดแอกIMFวันนี้!


ผู้จัดการรายวัน(31 กรกฎาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

แบงก์ชาติปรับเป้าเศรษฐกิจปีนี้โตเพิ่มอีก 1% เป็น 5.5% ขณะที่คลังก็เตรียมเปรับเพิ่ม หลังแนวโน้มครึ่งปีหลังขยายตัวต่อเนื่อง-ซาร์สกระทบน้อยกว่าคาด ขณะที่ปี 47 คาดเงินฝรั่งดันเศรษฐกิจไทยฉลุย ด้านคลังยันคืนหนี้ไอเอ็มเอฟหมดวันนี้ ปลดแอกไทยเป็นไท หลังตกเป็นทาสฝรั่งในฐานะลูกหนี้ เกือบ 10 ปี ไม่กระทบฐานะการคลัง ย้ำเงินใช้หนี้ไม่ได้มาจากเงินงบประมาณ แต่ใช้ทุนสำรอง ธปท.เชื่อหลังจากนี้ภาพลักษณ์ประเทศดีขึ้น ยันไทยไร้เงินฝืดแน่ ทักษิณเตรียมออกทีวีแจงประชาชนคืนนี้ หลังปลดแอกทาสไอเอ็มเอฟ ขณะที่วิษณุเตรียมรณรงค์ คนไทยทั่วประเทศติดธงแสดงความเป็นไท 1 ส.ค.!

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยวานนี้ (30 ก.ค.) ว่าวันนี้ (31 ก.ค.) เวลา 20.30 น. จะ ให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เพื่อชี้แจงประชาชนเกี่ยวกับวิกฤติเศรษฐกิจไทยที่เกิดขึ้น และตัวเลขสถานะการเงินการคลังประเทศหลังชำระหนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) หมด

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ อยากเสนอให้รัฐบาลมีศูนย์ให้ข้อมูลและรับเรื่องร้องทุกข์เรื่องเอกลักษณ์ของชาติ รวมถึงให้คนไทยทำใจกว้างยอมรับเอกลักษณ์บางอย่างที่ต้องเปลี่ยนแปลง

ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี เคยนำเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรี เพื่อออกระเบียบให้หน่วยราชการและสถาน ที่สำคัญติดธงชาติไทยตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อแสดงออกถึงเอกลักษณ์ของชาติไทย แต่ไม่ค่อยมีส่วนราชการใดปฏิบัติตาม จนนายกรัฐมนตรีพูดในที่ ประชุมครม.ว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้และ เหตุใดจึงไม่มีหน่วยงานใดยอมปฏิบัติต่อกัน ซึ่งได้ชี้แจงว่า เหตุที่ยังไม่มีการติดธงเพราะเตรียม ธงยังไม่เสร็จ

ติดธงทั่วประเทศ 1 ส.ค.ปลดแอกทาสไอเอ็มเอฟ

แต่ 1 ส.ค.จะรณรงค์ให้ติดธงชาติไทยทั่วประเทศ เพราะนอกจากจะเป็นช่วงที่เข้าสู่วันเฉลิมฉลองพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ที่มีการติดธงเฉลิมฉลองกันอยู่แล้วแต่ความหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ 1 ส.ค.เป็นวันที่ประเทศไทยปลดเปลื้องพันธนาการ หนี้สินทุกบาททุกสตางค์จากกองทุนเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้หมดเป็นวันแรก ถือเป็นการใช้ หนี้หมดก่อนกำหนด 2 ปี แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของไทยว่า มีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ดีในสายตาประชาคมโลก

นายบัณฑิต นิจถาวร ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินประเมินเศรษฐกิจไทยครึ่งแรกปีนี้ และประมาณการเศรษฐกิจทั้งปี โดยปรับเป้าอัตราขยายตัวเศรษฐกิจ (จีดีพี) เพิ่มอีก 1% จากประมาณการเดิมที่ทำเม.ย.

ปรับศก.ปีนี้โตเพิ่มเป็น 5.5%

ธปท.คาดว่าอัตราขยายตัวเศรษฐกิจปีนี้ 4.5-5.5% เพิ่มจากเดิมที่ประมาณการที่ 3.5-4.5% ปี 2547 คาดจะขยายตัว 5-6% จากเดิมที่ประมาณ การ 4.5-6% คณะกรรมการนโยบายการเงินประเมินว่า โอกาสที่เศรษฐกิจจะขยายตัวระดับดังกล่าวทั้งปี 2546-2547 มีโอกาสเป็นไปได้ประมาณ 87.6% และ 67.1%

ขณะที่ส่งออกปีนี้ จะขยายตัว 9-11% นำเข้าขยายตัว 9.5-11.5% ดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกิน ดุล 6,000-7,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปัจจัยหลักทำให้ธปท.ปรับอัตราขยายตัวเศรษฐกิจครั้งนี้ เนื่องจากการขยายตัวเศรษฐกิจ ไทยไตรมาส 1 สูงมากถึง 6.7% จากการขยายตัว การใช้จ่ายในประเทศเนื่องจากนโยบายดอกเบี้ย-เงินเฟ้อต่ำ แม้การลงทุนขยายตัวลดลงก็ตาม

ซาร์สกระทบน้อยกว่าคาด-ครึ่งปีหลังขยายต่อเนื่อง

ปัจจัยอีกประการ คือผลกระทบการระบาด โรคซาร์สต่อเศรษฐกิจไทย น้อยกว่าที่ประมาณ การเดิม กระทบเพียงการท่องเที่ยวเป็นหลัก ส่วนส่งออกที่คาดว่าจะกระทบ กลับมีผลน้อยมาก เห็นได้จากการส่งออกของไทยช่วงครึ่งปีแรก ขยายตัวสูง

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขขยายตัวเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ชะลอตัว เนื่องจากปัจจัยความไม่แน่นอนการฟื้นตัวประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 3 ประเทศ และผลกระทบโรคซาร์ส แต่เชื่อว่า การขยายตัวครึ่งปีหลังของไทยจะต่อเนื่อง แม้ น้อยกว่าครึ่งปีแรก

แนวโน้มการขยายตัวช่วงไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้ นายบัณฑิตกล่าวว่า ช่วงครึ่งหลังของปี การ ขยายตัวเศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวเทียบครึ่งปีแรก เพราะเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงปรับตัว รวมทั้งยังจะขึ้นกับการฟื้นตัวการค้าโลก และเศรษฐกิจประเทศภูมิภาคนี้เป็นสำคัญ เพราะหากเศรษฐกิจ ภูมิภาคฟื้นช้า อาจมีผลให้การส่งออกของไทยลดลงครึ่งหลังของปี มากกว่าที่ ธปท.คาดได้

ปี 47 ต่างชาติดัน ศก.ไทยฉลุย

แต่ปี 2547 คาดว่าการขยายตัวเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นอีก เนื่องจากการกลับมาของการลง ทุนต่างประเทศ ธปท.ประเมินปัจจัยเสี่ยงทางลบที่อาจเกิดขึ้น ทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวไม่ได้ตามเป้าหมาย

ประการแรกความเสี่ยงการฟื้นตัวประเทศ จี 3 คือ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ธปท. คาดว่าจะฟื้นตัวต่ำกว่าที่ประมาณการเดิม ประ การที่ 2 ราคาน้ำมันผันผวน และแนวโน้มจะสูง ขึ้นต่อเนื่อง ประการที่ 3 การเบิกจ่ายเงินงบประมาณรัฐบาลยังคงล่าช้า คาดว่าทั้งปีจะเกินดุล เงินสด ปัจจัยสุดท้าย ความมั่นใจการลงทุนของ นักลงทุนต่างประเทศยังผันผวน ถูกกระทบง่าย

ยันเงินเฟ้อไม่ติดลบ-ไทยไร้เงินฝืด

นายบัณฑิตกล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัยบวกที่จะช่วยการขยายตัวเศรษฐกิจได้ เช่น มาตรการ กระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้า และความมั่น ใจนักลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น ทำให้มีการลงทุน และการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

การดำเนินนโยบายการเงินช่วงต่อไป ธปท. ประมาณเงินเฟ้อพื้นฐานปีนี้ 0.05% ลดลงจากประมาณการเดิมที่ 0-1% แต่ยังคาดว่า การขยาย ตัวเงินเฟ้อทั่วไปปีนี้ 1-2%

"ผมมั่นใจ อัตราเงินเฟ้อจากนี้จะขยายตัว เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่มีติดลบ ดังนั้นจึงเป็นไป ไม่ได้ที่ไทยจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืด ส่วนอัตราดอก เบี้ยนโยบายนั้น หากไม่มีความจำเป็นฉุกเฉิน ธปท.ตั้งเป้าว่า การยืนอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับนี้จนถึงสิ้นปี โดยไม่ปรับลดลงอีก ยังเพียง พอที่จะทำให้เศรษฐกิจทั้งปีของไทยขยายตัวได้ตามเป้าหมาย" เขากล่าว

คลังเล็งปรับเป้าจีดีพี ส.ค.

ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการส่วนแบบจำลองและประมาณการเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ส.ค. นี้ สศค. เตรียมปรับประ มาณการขยายตัวเศรษฐกิจปีนี้ใหม่ จะสูงกว่าประมาณการเดิม ที่คาดว่าปีนี้ จะขยายตัว 5.1% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)

เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจการคลัง มิ.ย. เศรษฐกิจไทย มิ.ย.-ไตรมาส 2 ยังคงขยายตัวดี จากแรงผลักดันอุปสงค์ ทั้งจากภายในและนอกประเทศ โดยสถานการณ์โรคทางเดินหายใจเฉียบ พลันรุนแรง (Severe Acute Respiratory Syndrome: SARS) ไม่ส่งผลกระทบไทยมากอย่างที่คาด

สศค. เดาต่ำกว่าตัวเลขจริงประจำ

"สศค.ประมาณการอัตราขยายตัวเศรษฐกิจ ไตรมาส 1 ที่ 6.3% แต่ตัวเลขจริงขยายตัว 6.7% ขณะที่ไตรมาส 2 คาด 3.5% แต่เลขจริงสูงกว่า" นายเอกนิติกล่าว

ปลดแอกทาสไอเอ็มเอฟวันนี้ไม่กระทบฐานะคลัง

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการ สศค. เปิดเผยกรณีธปท. จะชำระหนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ก่อนกำหนด 2 ปี หลังตกเป็นทาสฝรั่ง ในฐานะลูกหนี้เกือบ 10 ปี ประมาณ 1.6 พันล้านดอลลาร์ ภายในวันนี้ (31 ก.ค.) ว่า จะไม่ส่งผลกระทบฐานะการคลังประ- เทศ

เนื่องจากเงินที่ใช้ชำระหนี้ดังกล่าว เป็นเงินจากทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของ ธปท. อย่างไรก็ตาม แง่จิตวิทยาอาจกระทบบ้าง เนื่องจากไทยได้รับความช่วยเหลือจากไอเอ็มเอฟ 2 ครั้ง แล้ว แต่เพิ่งมีครั้งนี้ ที่ชำระหนี้ก่อนกำหนดถึง 2 ปี "ไทยจะได้ภาพลักษณ์ดีขึ้นในสายตาต่างชาติ สิ่งน่ายินดีและดีใจ คือไทยไม่มีหนี้สินกับไอเอ็ม เอฟอีกต่อไป

ผลกระทบทางบวกมาก ๆ คงไม่มีเพราะชำระหนี้หลังเศรษฐกิจไทยฟื้นแล้ว ยังยืนยันว่า การชำระหนี้ไอเอ็มเอฟก่อนกำหนด ไม่มีผลทำให้รัฐบาลไม่มีเงินเดือนจ่ายข้าราชการ เพราะเงิน ที่ใช้ชำระหนี้ ไม่ได้จากเงินงบประมาณแม้แต่บาท เดียว แต่เป็นเงินจาก ธปท.ล้วนๆ"

ทุนสำรองหลังจ่ายหนี้เหลือเฟือเกือบ 4 หมื่นล้านดอลล์

นายสมชัยกล่าว หลังชำระหนี้ไอเอ็ม ไทย ยังมีทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศอีกประ มาณ 3.8-3.9 หมื่นล้านดอลลาร์ คิดเป็นมูลค่าสินค้านำเข้า 7 เดือน ซึ่งเพียงพอสำหรับไทย สิ้น ปีนี้ คาดทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศจะเพิ่ม เป็น 4 หมื่นล้านดอลลาร์

"ส่วนสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ จะปรับอันดับความน่าเชื่อถือของไทยเพิ่มขึ้นหรือ ไม่นั้น เรื่องดังกล่าวไม่อาจทราบได้ เพราะไม่สามารถเดาใจได้ ยืนยันว่า การชำระหนี้ไอเอ็มเอฟ ก่อนกำหนด ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อฐานะการคลังแต่อย่างใด เพราะเงินที่ใช้ในการชำระหนี้ไม่ได้ใช้เงินจากงบประมาณแม้แต่บาทเดียว แต่เป็นเงินจาก ธปท.ล้วนๆ" นายสมชัยกล่าว



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.