อาคารพิพิธภัณฑ์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

โดย อรวรรณ บัณฑิตกุล
นิตยสารผู้จัดการ( สิงหาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

สถาปัตยกรรมที่งามสง่าหลังนี้ ในอดีตเมื่อสมัยเกือบ 100 ปีมาแล้ว เคยเป็นห้างสรรพสินค้าของเอกชน ก่อนกลายมาเป็นที่ทำการของรัฐบาล และปัจจุบันคือ อาคารพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

ตัวอาคารตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงเชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาจะมองเห็นได้ชัดเจน แต่น้อยคนนักที่เคยเข้าไปเยี่ยมเยือน ทั้งๆ ที่เพียงแค่งานสถาปัตยกรรมภายนอก ซึ่งสวยงามแปลกตาด้วยอิทธิพลสถาปัตยกรรมตะวันตกรูปแบบนีโอคลาสสิกแล้ว ภายในยังเป็นพิพิธภัณฑ์ เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ไทยองค์หนึ่งที่สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย

นอกจากเป็นศูนย์รวมความรู้เกี่ยวกับพระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ความรู้ด้านการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และยังมีห้องจัดเก็บเอกสารและจดหมายเหตุให้บริการในการศึกษาวิจัย และมีบริการสารสนเทศครบสมบูรณ์ตามมาตรฐานสากล ตลอดทั้งปียังมีนิทรรศการหมุนเวียน ในประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ศิลปวัฒนธรรมในรัชสมัย และวิวัฒนาการการเมืองการปกครองของไทย

ย้อนหลังกลับไปในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ห้างยอนแซมป์สัน แอนด์ซัน ซึ่งเป็นสาขาร้านจำหน่ายผ้าตัดเสื้อ รองเท้า รวมทั้งอานม้าที่มีชื่อเสียงในย่านบอนด์สตรีท กรุงลอนดอน ได้ขยายสาขามาตั้งในเมืองไทย ตามคำชักชวนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปี พ.ศ. 2441 โดยทางห้างได้เช่าตึกแถวตรงถนนพระสเมรุเป็นที่ทำการแห่งแรก

ในปี พ.ศ.2449 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว ได้ให้กรมพระคลังข้างที่ ลงทุนก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่บนพื้นที่ 1,008 ตารางวา เชิงสะพาน ผ่านฟ้า เป็นผลงานการออกแบบของ ชาร์ล เบเกอแลง สถาปนิกชาวฝรั่งเศส-สวิส ลักษณะอาคารเป็นตึก 3 ชั้น หันหน้าอาคารไปยังถนนราชดำเนินกลาง แล้วต่อปีกทอดยาวออกไปสองข้างตามแนวถนนหลานหลวง และถนนดำรงรักษ์ อาคารที่แม้มีรูปทรงแบบฝรั่งเหมือน อาคารอื่นที่สร้างในยุคเดียวกัน แต่เมื่อสร้างล้อไปกับแนวถนน จึงดูแปลกตาไม่เป็นเหมือนกล่องสี่เหลี่ยมธรรมดา มีหอคอยยอดโดม ตกแต่งลวดลายปูนปั้นแบบ กรีก-โรมัน ก่อสร้างเสร็จในปี พ.ศ.2455 ใช้เวลาทั้งหมด 6 ปี นับว่าเป็นห้างเดียวที่อยู่บนถนนราชดำเนินนอก ซึ่งก่อนหน้านั้นโปรดให้เป็นที่ตั้งของวังเจ้านาย และสถานที่ราชการเท่านั้น

ต่อมา ทางหลวงไมตรีวานิช (เฉลิม ยอดมณี) ได้เช่าต่อเป็นที่ทำการของห้างสุธาดิลก จำหน่ายวัสดุก่อสร้างและสุขภัณฑ์สมัยใหม่ โดยที่สัญญาเช่าได้หมดลงเมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2475

ปี พ.ศ.2476 กรมโยธาธิการ (กรมนครภิบาล) ได้ขอเช่าเป็นที่ทำการของกรมฯ ในปี 2538 กรมศิลปากร จึงได้ขึ้นทะเบียน และกำหนดที่ดินและอาคารเป็นพื้นที่ โบราณสถาน

กรมโยธาธิการได้เช่าอาคารหลังนี้ต่อจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จนถึงปี พ.ศ.2545 จึงได้มอบสิทธิการเช่าให้สถาบันพระปกเกล้า และตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2545



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.