สุริยนต์ พูลวรลักษณ์ ทายาทเถ้าแก่ที่ทำโครงการเล็กๆ ไม่เป็น

โดย อรวรรณ บัณฑิตกุล
นิตยสารผู้จัดการ( สิงหาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

"เป็นความฝันของผม ที่จะเป็นเจ้าของอาคารชุดราคาแพง มาตรฐานสูง สักโครงการหนึ่งในกรุงเทพฯ และก่อนที่จะลงเอยกับโครงการนี้ผมศึกษาตลาดมานาน เข้าไปดูโครงการต่างๆ ที่ทิ้งร้างไว้ก็เยอะแต่ในที่สุดก็สรุปได้ว่าหากจะทำให้ดีอย่างที่หวังไว้ ต้องเริ่มทำเองใหม่ตั้งแต่ต้น

สุริยนต์ พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เมเจอร์แลนด์ ดีเวลอปเม้นท์ กล่าวกับ "ผู้จัดการ" ในช่วงบ่ายวันหนึ่ง ที่ Sales Office บริเวณเดียวกับสถานที่ก่อสร้างโครงการ Hampton ทองหล่อซอย 10

สุริยนต์กำลังคิดการใหญ่ กล้าสร้างคอนโดฯ ราคาแพงขึ้นมาขายเป็นโครงการแรกๆ ในรอบใหม่ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นี้ ในขณะนักพัฒนาที่ดินรายเก่าอีกมากยังกล้าๆ กลัวๆ ความมั่นใจในตลาดของกลุ่มลูกค้าระดับบน และวิธีคิดของตนเอง ทำให้เขาตัดสินใจที่จะเข้ามาซื้อที่ดินประมาณ 3 ไร่กว่าแปลงนี้ ซึ่งอดีตเคยเป็นบ้านเก่าของข้าราชการท่านหนึ่ง เมื่อ 2-3 ปีก่อนในราคาตารางวาละ 1 แสนกว่าบาท เป็นการเสี่ยงลงทุนซื้อที่ดินในช่วงที่ตลาดกำลังซบเซาอย่างหนัก และทันทีที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มจะฟื้นตัวขึ้นเขาก็ประกาศเปิดตัวโครงการทันที

สุริยนต์ เป็นลูกชายวัย 31 ปี ของ จำเริญ พูลวรลักษณ์ เจ้าของธุรกิจโรงหนังชื่อดัง โดยมีวิชา ลูกชายอีกคนหนึ่งกำลังสานต่อ ภายใต้เครือ "เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์" ก่อนหน้านั้น เซียนที่ดินอย่างจำเริญเองก็กังวลกับโครงการคอนโดมิเนียมราคาแพงโครงการแรกของครอบครัว ที่ลูกชายรับผิดชอบอย่างมาก เขามักจะถามตลอดเวลาว่า แน่ใจหรือที่จะทำโครงการขึ้นมาใหม่ เพราะโครงการตึกร้างยังเต็มไปหมดในใจกลางกรุง

ในยกแรกนี้ สุริยนต์ได้พิสูจน์แล้วว่าเขาคิดถูกโครงการที่อยู่อาศัยราคาแพง 70 ยูนิต ขายได้อย่างรวดเร็ว เหลือเพียงแต่ต้องรอพิสูจน์ความสามารถและความจริงใจของเขาอีกครั้ง เมื่อโครงการนี้สร้างเสร็จว่าเป็นไปตามที่โฆษณาไว้หรือไม่ โดยกำหนดแล้วเสร็จประมาณปลายปีหน้า

สุริยนต์ พูลวรลักษณ์ ยกความดีให้ผู้เป็นพ่อว่า ความรู้ในเรื่องการมองตลาด ดูทำเล และฮวงจุ้ย เพื่อทำโครงการถูกถ่ายทอดมาจากจำเริญ ตั้งแต่เขายังเป็นนิสิตหนุ่มน้อยหน้าอ่อนในคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งในยุคนั้นจำเริญยังกว้านซื้อที่ดิน เพื่อสร้างเป็นโรงภาพยนตร์ในขณะเดียวกันก็มีแผนพัฒนาที่ดินรอบๆ ไปด้วยในรูปแบบของอาคารพาณิชย์เป็นส่วนใหญ่ และดูเหมือนสุริยนต์เองก็เตรียมตัวพร้อมอยู่แล้ว ที่จะเข้ามาเป็นผู้รับผิดชอบในการพัฒนาที่ดินแปลงต่างๆ ในมือของบิดาต่อไป

หลังจากจบคณะวิศวกรรมโยธาจาก Massachusett Institute of Technology Cambridge เขากลับมาเมืองไทยในปี 2539 ไปหาประสบการณ์การทำงานในบริษัท Andersen Consulting และ Hewlett Packard ประมาณ 3 ปี และในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำสุดๆ เขาก็อาศัยความพร้อมทางการเงิน และที่ดินเดิมของครอบครัว รวมทั้งความมั่นใจว่าไม่นานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะต้องดีขึ้น ตัดสินใจตั้งบริษัทเมเจอร์ดีเวลอปเม้นท์ พัฒนาโครงการการ์เด้นวิวในสไตล์คลัสเตอร์โฮม ขึ้นมาเป็นโครงการแรก จำนวน 30 หลัง ในราคาหลังละ 5-6 ล้านบาท และสามารถปิดการขายไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน

แบรนด์ของบริษัทเมเจอร์ดีเวลอปเม้นท์ เริ่มเปิดฉากปักธงรบอีกครั้งในปีนี้กับโครงการคอนโดมิเนียมราคาแพง แน่นอนว่าหากทั้ง 2 โครงการ "สอบผ่าน" สุริยนต์ อาจจะเป็นนักพัฒนาที่ดินรายใหม่ที่มีบทบาทในวงการอสังหาริมทรัพย์อีกรายที่น่าสนใจแน่นอน



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.