เนสท์เล่รีเฟรชไอศกรีมเอสกิโม ซุ่มมัลติแพ็คเทคโฮมขยายฐาน


ผู้จัดการรายวัน(2 ตุลาคม 2551)



กลับสู่หน้าหลัก

เนสท์เล่ไอศกรีมซุ่มดันมัลติแพ็คเทคโฮมแบรนด์เอสกิโมขยายตลาดเด็ก พร้อมทุ่ม 90 ล้านบาท รีแฟรชแบรนด์เอสกิโมครั้งใหญ่ หวังเพิ่มแชร์กลุ่มเด็กเป็น 55% ยืนยันวัตถุดิบไม่มีนำเข้าจากจีน

นางสาวมณฑา คงเครือพันธุ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ธุรกิจไอศกรีม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดไอศกรีมเด็กช่วงที่ผ่านมาเติบโต 3-5% บริโภคเฉลี่ย 1 แท่งต่อวันต่อคน เติบโตดีมากกว่าตลาดไอศกรีมผู้ใหญ่ที่คงที่ บริโภคเฉลี่ย 1 แท่งต่อสัปดาห์ต่อคน ขณะที่ตลาดรวมนั้นมีการเติบโต 5% จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 10,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นตลาดกลุ่มเด็ก 50% ตลาดผู้ใหญ่และวัยรุ่น 50%

ทั้งนี้บริษัทฯมีส่วนแบ่งตลาดเชิงคอร์ปอเรท (แบรนด์เอ็กซ์สตรีมสำหรับผู้ใหญ่ แบรนด์เอสกิโมสำหรับเด็ก) รวม 35% เป็นอันดับสองในตลาด ส่วนไอศกรีมกลุ่มเด็กเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งมากกว่า 52% ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มแชร์เอสกิโมเป็น 55%

แผนรุกตลาดมีแนวโน้มที่จะขยายตลาดด้วยการทำแบบมัลติแพ็คเทคโฮม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา เดิมทีมีแต่ซื้อทานเลยแบบอิมพัลส์ รวมทั้งได้รีเฟรชแบรนด์เอสกิโมใหม่ครั้งใหญ่แบบ 360 องศา ด้วยงบตลาด 90 ล้านบาท ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายนี้ จากงบทั้งปีของแบรนด์นี้ 180 ล้านบาท คาดหวังไตรมาสสี่เติบโต 30%

การทำตลาดจะเน้นกลยุทธ์เอดดูเทนเม้นต์มาร์เก็ตติ้งเน้นให้ความรู้เรื่องลดโลกร้อน โดยเปิดแคมเปญ “ปฏิบัติการล่าไอเย็นกับเนสท์เล่เอสกิโม” ออกสินค้าใหม่ 2 รส คือ ไอศกรีม2ใจ และไอศกรีมสามช่า รวมขณะนี้มี 20 รสชาติ จับกลุ่มเป้าหมายเด็กอายุ 6-12 ปี สื่อสารทั้งหนังโฆษณาและทำหนังสือการ์ตูน ปรับแพคเกจจิ้งใหม่ให้ดูสดใส ทำโรดโชว์ และโปรโมชั่นแจกแถม

ปัจจุบันช่องทางหลักของเอสกิโมคือ รถสามล้อ 50% มีมากกว่า 6,000 คัน และตู้แช่ตามสถานที่ต่างๆ 50% ประมาณ 8,000 ตู้ โดยยอดขายจากรถสามล้อมีมากกว่าตู้แช่ประมาณ 5-10 เท่า ซึ่งมีแผนที่จะยายต่อเนื่องเช่น รถสามล้อปีละประมาณ 1,000 คัน อย่างไรก็ตามสำหรับช่องทางร้านแฟมิลี่มาร์ทที่เป็นคอนวีเนียนสโตร์นั้น ปีนี้ไม่ได้จำหน่าย ก็ไม่เป็นไร เพราะเป็นธรรมดาของช่องทางนี้ที่บางครั้งได้จำหน่าย บางครั้งไม่ได้จำหน่าย

จากกรณีที่มีการปนเปื้อนของสารเมลามีนในผลิตภัณฑ์นมที่ประเทศจีนได้ส่งผลกระทบต่อตลาดการบริโภคนมและผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากนม ซึ่งรวมถึงไอศกรีมซึ่งมีนมผงเป็นวัตถุดิบด้วยนั้น นางสาวมณฑา ยืนยันว่าไอศกรีมเนสท์เล่ที่ผลิตในไทยนี้ มีวัตดุถิบมาจากทั้งในประเทศและต่างประเทศเช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ไม่มีวัตถุดิบนมที่มาจากจีนแต่อย่างใด จึงมั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพ

ด้านนางสาวกุลยา เดชชัย ผู้ช่วยกรรมผู้จัดการ บริษัท เอเต้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไอศกรีมยี่ห้อ "เอเต้" เปิดเผยว่า ไอศกรีมเอเต้เป็นไอศกรีมโฮมเมด ซึ่งน้ำนมและวัตถุดิบในการผลิตล้วนเป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติ โดยนมวัวสดและครีมสดที่ใช้ในการทำไอศกรีมมาจากฟาร์มโคนมของบริษัทที่อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา จึงเป็นไอศกรีมที่ไม่มีสารปนเปื้อนแต่อย่างใด และไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตนมในจีนที่กำลังเกิดขึ้นในครั้งนี้


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.