โบรกแนะถือTMB หลัง"ANZ" ล้มดีล


ผู้จัดการรายวัน(28 กรกฎาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

นักวิเคราะห์ แนะลงทุนหุ้นแบงก์ ทหารไทย หลัง ANZ ประกาศยกเลิกซื้อหุ้นเพิ่มทุน โดยรอดูความชัดเจนของมาตรการรัฐบาลที่จะนำออกมาอุ้ม ขณะที่บางรายฟันธงในที่สุดผู้ถือหุ้นใหญ่ นำโดยกระทรวงการคลัง-กองทัพ-พานทองแท้ จะต้องใส่เงินเพิ่มทุน

หลังจากที่ธนาคารออสเตรเลีย แอนด์ นิวซีแลนด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป หรือ ANZ ได้ประกาศยกเลิกการเจรจาซื้อหุ้นเพิ่มทุนของธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB อย่างเป็นทางการ เนื่องจากการทำรายการดังกล่าวไม่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพอร์ตของกลุ่มเอเอ็นแซดรวมทั้ง ไม่สามารถตกลงเงื่อนไขร่วมกันได้

ขณะที่กระทรวงการคลัง ได้ให้เหตุผลว่า เอเอ็นแซดไม่สามารถตกลงราคาซื้อขาย TMB ได้ เพราะราคาที่เสนอมาเป็นราคาที่ต่ำมาก ซึ่งล่าสุดได้มีการกำหนดราคาไว้ที่หุ้นละ 2.50 บาทเท่านั้น

โดยราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ราคาหุ้น TMB ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากเอเอ็นแซดประกาศล้มดีล ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ราคาหุ้นละ 6.05 บาท เพิ่มขึ้น 0.45 บาท หรือคิดเป็น 8.03% มูลค่าการ ซื้อขายรวม 632.49 ล้านบาท

นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวให้ความเห็นว่า บริษัทยังคงแนะนำให้นักลงทุนถือหุ้นของ TMB ต่อไป แม้ว่าสัญญาเข้ามาเพิ่มทุนของ เอเอ็นแซดไม่สามารถตกลงกันได้ เนื่องจากบริษัทคิดว่าหากทาง ANZ ให้เสนอราคาหุ้นตามที่มีกระแสข่าวออกมาคือ 2.50 บาท ถือว่าเป็นระดับราคา ที่ต่ำทำให้ผู้บริหารของ TMB ไม่น่าจะขายหุ้น

รวมทั้งการเข้ามาถือหุ้นของ ANZ ก็มีสัดส่วน เพียง 10-20% ทำให้ ANZ ไม่มีอำนาจบริหารธนาคาร และเชื่อว่าในที่สุด ANZ ก็จะต้องขายหุ้นออกไป ดังนั้นก็ไม่แปลกใจที่การตกลงซื้อขายหุ้นเพิ่มทุนจะไม่สามารถตกลงกันได้

"แม้ว่าดีลของ ANZ จะไม่สำเร็จ แต่เชื่อว่าทางรัฐบาลจะหามาตรการต่างๆ ออกมารองรับ ด้วยการ ดึงพันธมิตรรายใหม่เข้ามาร่วมทุน หรืออาจให้กองทุนวายุภักษ์เข้าไปถือหุ้นของธนาคารก็ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่ถือหุ้น TMB อยู่ ยังไม่ควรขายออกไป ควรถือรอให้รัฐบาลมีความชัดเจนเรื่องการเพิ่มทุนก่อน"

ขณะที่นักวิเคราะห์อีกรายหนึ่งให้ความเห็นที่แตกต่างกันว่า การยกเลิกการร่วมทุนของ ANZ คงเกิดเนื่องจากราคาหุ้นเพิ่มทุนใหม่ที่ไม่สามารถตกลงกันได้และจากประเด็นข่าวดังกล่าว คาดว่ากลุ่มผู้ร่วมทุนที่เป็นสถาบันการเงินต่างประเทศอื่นๆ ที่เหลือก็จะมีการยกเลิกต่อเนื่อง ขณะที่คาดว่าเงินเพิ่มทุนใหม่จะมาจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่

สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นเดิม TMB มีทั้งในส่วนของหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ ประกอบด้วย กระทรวงการคลังถือหุ้นในสัดส่วน 49.8% กองทัพบก 7.5% นายพานทองแท้ ชินวัตร 3.8% บริษัท ททบ. 5 3.4% และบริษัท ไทยประกันชีวิต 3.0%

ทั้งนี้ ทุนจดทะเบียนของแบงก์ทหารไทย คิดเป็นสัดส่วนกว่า 50% เป็นหุ้นบุริมสิทธิในโครงการช่วยเพิ่มทุนขั้นที่ 1 ของกระทรวงการคลัง ซึ่งจะมีเงื่อนไขของการลดทุนว่าหากต้องมีการลดทุนเพื่อล้างขาดทุนสะสมจะต้องมีการลดทุนในหุ้นสามัญจนเหลือ 0.01 บาทต่อหุ้นก่อนแล้วถึงจะ ลดทุนในส่วนของหุ้นบุริมสิทธิ ซึ่งปัจจัยดังกล่าว ถือเป็นความเสี่ยงนอกเหนือจากปัญหาว่าใครจะเป็นผู้ใส่เงินเพิ่มทุนใหม่เข้ามา

ด้านฐานะทางการเงิน หากพิจารณาราคา ตามมูลค่าทางบัญชี ไตรมาส 2 ปี 2546 อยู่ที่ระดับ 4.03 บาท เป็นราคาที่ได้รวมมูลค่าหุ้นบุริมสิทธิพาร์ 10 บาทแล้ว ดังนั้นความเสี่ยงด้านปัจจัยพื้นฐานของ TMB ปัจจุบันสำหรับหุ้นสามัญ มีอยู่ 2 ประการ คือ ประการแรก ความสำเร็จในการเพิ่มทุนในไตรมาส 3 ปี 2546 และประการที่ 2 หุ้นบุริมสิทธิปัจจุบันมีสิทธิที่เหนือกว่าหุ้นสามัญเรื่องการถูกลดทุน

ขณะที่ราคาหลังการปรับปรุงมูลค่าทางบัญชี Adj. BV ปัจจุบันรวมจำนวนสำรองฯ ตามที่ ธปท. กำหนดให้มีการตั้งภายในปีนี้จะอยู่ที่ 2.6-3.0 บาทต่อหุ้น โดยราคาเป้าหมายยังคงอยู่ที่ 4 บาทต่อหุ้น ราคาในกระดานหลักทรัพย์อยู่ที่ 6.05 บาท ดังนั้นจึงแนะนำให้ลดการลงทุนในหุ้น TMB



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.