กองทุนหมื่นล้านเล็งซื้อหุ้น2บริษัท หลังอัดพันล้านถือหุ้นเซ็นทรัลพัฒนา


ผู้จัดการรายวัน(24 กรกฎาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

กองทุนร่วมทุน (Thailand Equity Fund) ซึ่งเป็นกองทุนร่วมทุนระหว่าง รัฐบาลไทยกับกลุ่มลอมบาร์ดจากแดนมะกัน (Lombard Investments, Inc) ขนาดกองทุน 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.05 หมื่นล้านบาท) จะลงทุนเพิ่มครึ่งปีหลังอีก 1-2 บริษัท กลุ่มส่งออก และพัฒนาสังหาริมทรัพย์ มูลค่าบริษัทละประมาณ 5 ร้อยล้านบาท หลังซื้อหุ้น บุริมสิทธิเซ็นทรัลพัฒนา ที่เน้นลงทุนโครงการเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์เดิม

"ลอมบาร์ด (Lombard) มีนโยบายที่จะเข้าลงทุนระยะยาวในแต่ละบริษัท ซึ่งผลตอบแทน ที่คาดหวังในการลงทุนแต่ละครั้ง ควรจะสูงกว่า ผลตอบแทนของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย แต่ละปี จะลงทุนในบริษัทจำนวน 2-4 บริษัท ซึ่งปีนี้มีอีก 1-2 บริษัทที่จะเข้าลงทุนเพิ่ม โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาจะคัดเลือกบริษัทใดบ้าง" นายพจน์ ป.วิเทศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Private Equity (Thailland) จำกัด บริษัทในเครือ Lombard กล่าว

ลงทุนยาว 10 ปีขึ้น

การลงทุนแต่ละบริษัทจะใช้เวลานาน เพราะ นโยบายการลงทุนของบริษัท 5 ปีแรกจะลงทุน 5 ปีหลังจะรับผลประโยชน์จากการลงทุน การลงทุนบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) เพราะเป็น บริษัทน่าสนใจ

รวมถึงเมื่อ Lombard ลงทุนแล้ว จะช่วยเอื้อประโยชน์ธุรกิจบริษัทได้ โดยเฉพาะการเงิน และเรื่องบรรษัทภิบาลที่ดี ที่ผ่านมา กองทุนฯ ลงทุนบริษัท ทรีนีตี้ส์ วัฒนา 130 ล้านบาทช่วงปลายปีก่อน นอกจากนี้ Lombard ลงทุนถือหุ้นบริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่นส์ ประมาณ 6-7% ของทุนจดทะเบียนบริษัท ซึ่งกองทุนฯเห็นว่า เป็นบริษัทมีศักยภาพ สามารถสร้างผลตอบแทน ให้บริษัทได้อีก

Lombard ซื้อหุ้นบุริมสิทธิ CPN พันล้าน

ทางด้านนายนริศ เชยกลิ่น รองผู้จัดการ และผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บมจ. เซ็นทรัล พัฒนา กล่าวว่าเงินที่ Lombard ลงทุนซื้อหุ้นบุริมสิทธิของบริษัท 1 พันล้านบาท เข้าบริษัทเมื่อวันที่ 18 ก.ค.แล้ว ส่วนหนึ่งเงินที่ได้รับครั้งนี้ จะลงทุนในเซ็นทรัล เวิลด์ หรือเวิล์ดเทรดเซ็นเตอร์เดิม ซึ่งมูลค่าการลงทุนประมาณ 1 หมื่นบาท

"ภายหลังจากขายหุ้นครั้งนี้ ทำให้สัดส่วน ถือหุ้นกลุ่มตระกูลจิราธิวัฒน์ ลดลงจาก 60% จากเดิมที่ถือหุ้นอยู่ที่ 66% การลงทุนโครงการเซ็นทรัลเวิลด์ บริษัทหวังว่า จะได้รับอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 156%" นายนริศกล่าว

ผลดีการที่ Lombard เป็นผู้ถือหุ้นจะส่งกรรมการร่วมบริหาร 1 คน ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหา จะได้รับผลดีเรื่องภาพลักษณ์และเรื่องธรรมาภิบาลที่ดี รวมถึงบริหารการเงิน เพราะกลุ่มนี้มีเครือข่ายทั่วโลก

ขณะนี้ นำเงินที่ได้ครั้งนี้ลงทุนแล้วมากกว่า 50% หรือประมาณ 500 ล้านบาท เงินทั้งหมดที่ลงทุน จะนำมาจากการตั้งกองทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มูลค่า 5 พันล้านบาทบริษัทเพิ่มทุนอีก 1 พันล้านบาท และเพิ่มทุนจาก Lombard 1 พันล้านบาท ที่เหลือจะใช้เงินกู้สถาบันการเงิน และกระแสเงินสดบริษัท



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.