"แบงก์เอเชีย" โชว์ยอดเบี้ยประกันทะลุเป้า 6 เดือนแรกของปีทำยอดได้ 340 ล้านบาท
จากเป้าทั้งปี 300-400 ล้านบาท คาดทั้งปีทำยอดได้ 500 ล้านบาท ระบุครึ่งหลังเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่
3 ผลิตภัณฑ์ที่จะเน้นรูปแบบของการให้ผลตอบแทนเป็นเงินปันผล
นายไท หวังบุญเย็น ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานผลิตภัณฑ์เงินฝากและบริการธนาคารรายย่อย
ธนาคารเอเชีย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในระยะ เวลา 6 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-มิถุนายน
2546) ธนาคารประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจเป็นนายหน้าขายประกัน หรือ Bancas-surance
เป็นอย่างมาก
โดยธนาคารมียอดเบี้ยประกันรวมทั้งสิ้นประมาณ 340 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เป็นจำนวนมาก
คือ ธนาคารตั้งเป้าหมายจะทำยอดเบี้ยประกันทั้ง ปี 2546 ไว้ที่ประมาณ 300-400 ล้านบาท
หรือคิดเป็นจำนวนรายประมาณ 24,000 ราย ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกธนาคารก็สามารถทำได้ตามเป้าหมายทั้งปีแล้ว
ดังนั้นคาดว่าทั้งปีจะสามารถทำยอดเบี้ยประกันได้ทะลุ 500 ล้านบาท
สำหรับสาเหตุที่ธนาคารสามารถทำเบี้ยประกันได้ทะลุเป้าหมาย เนื่องจากธนาคารมีผลิตภัณฑ์
ที่หลากหลาย และตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่ม รวมทั้งพนักงานขายประกันของธนาคารมีการอบรมและสามารถ
ให้บริการลูกค้าได้ครบวงจร นอกเหนือจากการขายประกันเพียงอย่างเดียว
"ธนาคารได้มีการอบรมให้กับพนักงาน ทำให้สามารถแนะนำและขายผลิตภัณฑ์อื่นๆ
ของธนาคารได้ จากที่ธนาคารพาณิชย์อื่นๆ จะมีพนักงานขายตามสาขาเป็นเพียง แนะนำและส่งต่อไปยังตัวแทนขายประกันอีกขั้นตอนหนึ่ง
ทำให้ลูกค้าไม่สะดวกเท่าที่ควร"
ส่วนเป้าหมายของการทำธุรกิจประกันในครึ่งปีหลัง ธนาคารจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มเติมอีกประมาณ
3 ผลิตภัณฑ์ที่จะเน้นเกี่ยวกับการคุ้มครองที่มีผลตอบแทนลักษณะของเงินปันผล เนื่องจากภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำทำให้ผู้ฝากเงินเริ่มมองถึงช่องทางการลงทุนในรูปแบบอื่นๆ
โดยทั้งปีธนาคารคาดว่าจะออกผลิตภัณฑ์ประมาณ 5-6 ผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทั่วถึง
ปัจจุบันธนาคารได้ออกผลิตภัณฑ์มาแล้วมากกว่า 10 ผลิตภัณฑ์ โดยฐานลูกค้าทั้งหมดของธนาคารมีอยู่ประมาณ
2,000,000 ราย ที่เป็น กลุ่มเป้าหมายของการขายประกัน และขณะนี้ธนาคารมีฐานลูกค้าประกันเพียง
1% ของฐานลูกค้าทั้งหมด จึงมองว่าน่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการขยายฐานเบี้ยประกันเพิ่มขึ้น
สำหรับในปีนี้ธนาคารมีเป้าหมายที่จะขยายฐานลูกค้าประกันเพิ่มขึ้น เป็น 2% ของฐานลูกค้าธนาคารทั้งหมด
หรือคิดเป็นจำนวน ราย 40,000 ราย ขณะเดียวกัน จะมีการพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของ
ลูกค้ามากที่สุด อีกทั้งเร่งฝึกอบรมพนักงานเพื่อสนับสนุนการให้บริการ ลูกค้าได้อย่างเต็มที่พร้อมๆ
กับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของลูกค้าที่หันมาสนใจทำประกันเพิ่มมากขึ้น คาดว่าจะใช้ระยะเวลา
3 ปี ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลูกค้า ซึ่งระยะเวลา 3 ปีธนาคารจะมีพัฒนาระบบรวมทั้งพนักงานขายประกันเพิ่มขึ้นเฉลี่ยสาขาละ
3 คน จากปัจจุบันที่มีอยู่เพียงสาขาละ 1 คน
"ปัจจุบันประชาชนคนไทย ที่มีอยู่ 63-64 ล้านคน มีประชาชนที่ทำประกันเพียง 14%
ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศ อื่นๆ ดังนั้นโอกาสของการทำธุรกิจประกันยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่สูง
แต่ต้องใช้เวลาในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนที่ป้องกันความเสี่ยง ซึ่งจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย
3 ปีขึ้นไป" นายไท กล่าว
สำหรับการเป็นพันธมิตร กับเอไอเอ ถือว่าเป็นพันธมิตรที่ดี โดยได้มีสัญญา 4 ปี
ร่วมธุรกิจ กันมา 3 ปีแล้วนับได้ว่าสามารถเอื้อธุรกิจกันมาก โดยเอไอเอได้ให้การอบรม
รวมทั้งนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ควบคู่กับธนาคารตลอด จึงไม่คิดที่จะมีพันธมิตรรายใหม่
เพราะมีพันธมิตรจำนวนมาก จะมีปัญหาเรื่องการลงทุนว่าส่วนใดใครจะเป็นผู้ลงทุน