สามารถฯ หืดขึ้นคอ

โดย นภาพร ไชยขันแก้ว
นิตยสารผู้จัดการ( กันยายน 2551)



กลับสู่หน้าหลัก

วัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถฯ นำทีมผู้บริหารและบริษัทในเครือ บมจ.สามารถเทลคอม และ บมจ.ไอ-โมบาย เปิดตัวแถลงข่าวผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกเมื่อ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา เขายอมรับว่าไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ เพราะภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั่วโลก บวกกับไตรมาสที่ 2 ภาพรวมธุรกิจอยู่ในช่วง low season

บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่นมีผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังที่ผ่านมา มีรายได้รวมทั้งสิ้น 7,885 ล้านบาท กำไรสุทธิ 269 ล้านบาท ในขณะที่ไตรมาส 2 มีรายได้รวม 3,666 ล้านบาท กำไรสุทธิ 124 ล้านบาท

ส่วน บมจ.สามารถเทลคอม ครึ่งปีแรกมีรายได้รวม 1,315 ล้านบาท กำไรสุทธิ 75 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2551 มีรายได้รวม 700 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 41 ล้านบาท

ด้าน บมจ.ไอ-โมบาย ครึ่งปีแรกมีรายได้ประมาณ 5,523 ล้านบาท กำไร 181 ล้านบาท ในไตรมาส 2 มีรายได้รวม 2,385 ล้านบาท กำไร 50 ล้านบาท

หลายปีที่ผ่านมารายได้หลักของกลุ่มสามารถจะมาจากธุรกิจกลุ่มไอ-โมบาย จากการจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงบริการคอนเทนต์ เช่น บริการเพลงผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือบริการข้อมูลบัคส์ และบริการ 1900 ที่ให้บริการดูดวงที่ค่อนข้างได้รับความนิยม

กลุ่มธุรกิจไอ-โมบาย จึงเป็นบริษัทที่กลุ่มสามารถฯ คาดหวังรายได้มากที่สุดถึง 80-90 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 21,000 ล้านบาทในปีนี้ จากรายได้ของบริษัทในเครือทั้งหมด

ปัจจุบันบริษัทกลับทำรายได้เพียง 5,523 ล้านบาทในช่วงครึ่งปีแรก

หากจะให้ได้ตามเป้านั่นหมายความว่า ไอ-โมบายจะต้องเร่งสร้างรายได้อีก 15,477 ล้านบาท ภายในเวลา 6 เดือนที่เหลือของปีนี้

เหตุที่วัฒน์ชัยตั้งเป้าหมายธุรกิจไอ-โมบายไว้สูง เพราะก่อนหน้านี้ในปี 2549 ไอ-โมบายเคยสร้างรายได้ให้กลุ่มบริษัทได้ถึง 24,600.24 ล้านบาท

ในปีนั้นเช่นกันทำให้กลุ่มสามารถฯ มีรายได้รวมของธุรกิจถึง 31,001.65 ล้านบาท ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา

เป็นเหตุให้กลุ่มสามารถฯ มองว่ากลุ่มธุรกิจไอ-โมบายน่าจะทำได้อีก โดยเฉพาะปี 2551 เป็นปีทองของธุรกิจไอ-โมบาย โดยเฉพาะในต่างประเทศที่รุกตลาดอย่างต่อเนื่อง ในมาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม บังกลาเทศ ลาว กัมพูชา อินเดีย และในปีนี้ขยายตลาดไปยังประเทศแถบตะวันออกกลาง เอเชียกลาง หรือกลุ่มประเทศโซเวียตเดิม และออสเตรเลียเพิ่มมากขึ้น

ทำให้ขายโทรศัพท์มือถือไอ-โมบายในต่างประเทศได้ถึง 8 แสนเครื่องในปีนี้

ส่วนตลาดรวมที่จำหน่ายได้ในครึ่งปีนี้ประมาณ 2 ล้านกว่าเครื่อง หรือขายในประเทศได้กว่าล้านเครื่อง ทว่า บริษัทกลับไม่ค่อยพอใจกับปริมาณที่ขายได้จำนวนมาก เพราะกำไรของโทรศัพท์ต่อเครื่องกลับลดลง โดยขายราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 2,694 บาทต่อเครื่อง เมื่อเทียบกับปี 50 ราคาโทรศัพท์อยู่ที่ 3,634 บาทต่อเครื่อง

ส่วนราคาจำหน่ายในต่างประเทศปีนี้เฉลี่ย 1,938 บาทต่อเครื่อง เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาขายเครื่องละ 3,168 บาท

ทำให้วัฒน์ชัยต้องปรับแผนธุรกิจใหม่ของไอ-โมบาย ให้เน้นทำกำไรมากขึ้น มากกว่าเน้นจำนวนเครื่อง ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้ตั้งเป้าไว้ในปีนี้ถึง 5 ล้านเครื่อง

ความหมายของวัฒน์ชัยก็คือ ไม่ต้องการเน้นปริมาณแต่ได้กำไรน้อย เพราะจะทำให้ทำงานเหนื่อยมากขึ้น

การแก้เกมของกลุ่มไอ-โมบายในครึ่งปีหลังคือ การดึงเครื่องราคาสูงเข้ามาจำหน่าย ด้วยการนำเครื่องพีดีเอราคาระดับหมื่นต้นๆ ซึ่งไอ-โมบายจะเปิดตัวภายใต้ชื่อยี่ห้อใหม่ว่า SENSE ที่เลือกใช้โปรแกรมไมโครซอฟท์วินโดวส์ 6.1 ทำให้มีลูกเล่นมากขึ้น

ส่วนโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในครึ่งปีหลังอีก 6 รุ่น จะเน้นรุ่นที่สามารถรับโทรทัศน์ฟรีทีวีได้เป็นหลัก และจำหน่ายในราคาเฉลี่ยประมาณ 5-6 พันบาท

นอกเหนือจากธุรกิจไอ-โมบายแล้ว สามารถฯ ได้ตั้งเป้าหมายรายได้จากกลุ่มสามารถเทลคอม น่าจะมีรายได้ในปีนี้ 5 พันล้านบาท จากครึ่งปีแรกมีรายได้ 1,315 ล้านบาท ซึ่งยังขาดตัวเลขเบ็ดเสร็จอีกประมาณ 3,865 ล้านบาท

กลุ่มสามารถฯ คาดหวังโครงการประมูลใหม่ของภาครัฐในครึ่งปีหลังที่มีมูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาท เช่น โครงการระบบสื่อสารมหาดไทยมูลค่า 1 พันล้านบาท หรือโครงการของกระทรวงกลาโหมและภาครัฐอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าที่สามารถฯ ให้บริการอยู่แล้ว

แม้ว่ากลุ่มสามารถฯ จะชนะโครงการประมูลก็ตาม แต่รายได้จะรับรู้ในอีก 2 ปีข้างหน้า

ส่วนสาย Technology Related คาดหวังรายได้ประมาณ 4 พันล้านบาท และจากรายงานตัวเลขของบริษัทแคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิค เซอร์วิสเซส จำกัด ให้บริการศูนย์ควบคุมจราจรทางอากาศในประเทศกัมพูชา ในไตรมาส 2 มีรายได้ 174 ล้านบาท หรือมีจำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์ และคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นอีกหลังจากที่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาได้ปรับค่าบริการเพิ่มขึ้นอีก 15 เปอร์เซ็นต์

บริษัท Kampot Power Plant จำกัด ผู้ผลิตไฟฟ้าป้อนโรงงานปูนซิเมนต์ไทย ประเทศกัมพูชา มีรายได้ครึ่งปีแรก 100 ล้านบาท ส่วนบริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด ให้บริการคอลล์เซ็นเตอร์ มีรายได้รวม 221 ล้านบาท

หลังจากที่กลุ่มสามารถฯ พลาดเป้ารายได้ในครึ่งปีแรกไปพอสมควร ทำให้บริษัทหันมาทุ่มเทเร่งยอดตัวเลขรายได้ในครึ่งปีหลังทดแทน เพราะบริษัทมองว่า ช่วงครึ่งปีหลังเป็นช่วงของ high season ที่จะมีการใช้เงินเพิ่มมากขึ้น

ทว่า high season ปีนี้จะเป็นปีทองของกลุ่มสามารถฯ จริงหรือไม่ ผู้บริหารน่าจะรู้ดีกว่าใคร เพราะ high season อาจจะต้องบวกกับวิชั่นด้วยหรือไม่?


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.