เมื่อทรูวิชั่นส์ หวังรักษาแชมป์พรีเมียร์ลีก


ผู้จัดการรายสัปดาห์(25 สิงหาคม 2551)



กลับสู่หน้าหลัก

การไขว่คว้าก้าวขึ้นครองตำแหน่งแชมป์ฟุตบอลลีกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างพรีเมียร์ลีกนั้นยากเย็นเพียงใด ถาม ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการสโมสรลิเวอร์พูล คงเป็นผู้ให้คำตอบได้ดีที่สุด แต่ถ้าจะถามต่อไปว่า แล้วการรักษาถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกไว้ในสโมสรเป็นปีที่สองติดต่อกัน ยากกว่าแค่ไหน ต้องหันไปถามผู้จัดการทีมชาวฝรั่งเศสจากทีมปืนใหญ่ อาร์เซนอล อาร์เซน เวนเกอร์

เช่นเดียวกับ องอาจ ประภากมล รองประธานเจ้าหน้าบริหารสาย Commercial บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด ก็มีคำตอบให้เช่นเดียวกันว่า ความสำเร็จในการสร้างยอดสมาชิกผู้ชมทรูวิชั่นส์ให้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากคอนเทนต์แม่เหล็ก ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกจากประเทศอังกฤษ ที่ทรูวิชั่นส์ทุ่มงบประมาณกว่า 1,500 ล้านบาท ซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายสด 380 นัดต่อฤดูกาล เป็นระยะเวลาถึง 3 ฤดูกาลนั้น ต้องทำอย่างไร

ทรูวิชั่นส์ให้ความสนใจกับลิขสิทธิ์ฟุตบอลรายการนี้มากเป็นพิเศษ ทั้งที่เมื่อ 2-3 ปีก่อนหน้า สมาชิกยูบีซี หรือทรูวิชั่นส์ในเวลานี้ก็สามารถรับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกได้ทุกสัปดาห์ผ่านช่องกีฬา ESPN และ Star Sport แต่ผู้บริหารทรูวิชั่นส์เล็งเห็นว่า หากสามารถบริหารลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกโดยตรง คอนเทนต์กีฬารายการนี้จะสามารถสร้างความสำเร็จในเชิงการตลาดให้กับทรูวิชั่นส์ รวมถึงธุรกิจในกลุ่มทรู อย่างมหาศาล เช่นเดียวกับคอนเทนต์บันเทิงอย่าง อะคาเดมี แฟนเทเชีย ที่เติบโตขึ้นตลอด 5 ปี

แผนการตลาดในปีแรก ฤดูกาล 2007/2008 ทรูวิชั่นส์ใช้กลยุทธ์ทุ่มหมดหน้าตัก ลิขสิทธิ์ 380 นัด ถูกถ่ายทอดให้กับสมาชิกทรูวิชั่นระดับแพลทินั่มครบทุกนัด ขณะที่สมาชิกระดับรองลงมา โกลด์แพกเกจ สามารถรับชมแมตช์การแข่งขันของ Big 4 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, อาร์เซนอล และเชลซี ครบทุกนัด ส่วนสมาชิกระดับต่ำลงมาทั้งซิลเวอร์, ทรูโนวเลจ และทรูไลฟ์ฟรีวิว จะรับชมได้ด้วยการใช้บริการระบบพรีเพด ซื้อช่อง True Sport 5 ที่มีการถ่ายทอดพรีเมียร์ลีก สัปดาห์ละ 3-5 นัด ในราคาเดือนละ 399 บาท รวมถึงมีการเชื่อมต่อการถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกจากช่อง True Sport 5 ไปยัง True IPTV รับชมผ่านเทคโนโลยีไฮสปีดอินเทอร์เน็ต คิดค่าบริการค่าชมเป็นรายคู่ และรายเดือน เช่นเดียวกับการรับชมผ่านเว็บไซต์ Truesport.truelife.com

ผลที่เกิดขึ้นในเชิงการตลาด ทรูวิชั่นส์สามารถขยายฐานกลุ่มสมาชิกระดับพรีเมียม ทั้งแพลทินั่ม และโกลด์ แพกเกจจากกลุ่มแฟนบอล ในภาวะที่สภาพเศรษฐกิจถดถอยได้ถึง 10% ขณะที่ในส่วนการตลาดพรีเพดของสมาชิกกลุ่มล่าง มียอดการสั่งซื้อช่อง True Sport 5 รวมทั้งรายวันและรายเดือน สูงถึง 200,000 คำสั่งซื้อ ถือเป็นความสำเร็จที่น่าพอใจอย่างยิ่งของธุรกิจบันเทิงที่อยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมของเศรษฐกิจที่ตกต่ำรอบด้าน

เพียงแต่เป็นคำถามว่า ความสำเร็จนี้จะเกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 สำหรับลิขสิทธิ์ในฤดูกาล 2008/2009 ได้อย่างไร

องอาจยอมรับว่า ไฮไลท์สำคัญของลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกที่ทรูวิชั่นส์นำเสนอต่อสมาชิกคือการถ่ายทอดสดครบทุกนัด รวม 380 นัด ซึ่งในปีนี้ก็ไม่มีอะไรที่แตกต่างไปจากปีก่อน ทีมที่เข้าแข่งขันจุดสนใจก็อยู่ที่ทีม Big4 แมนฯยูฯ, ลิเวอร์พูล, อาร์เซนอล และเชลซี เหมือนปีก่อน นักฟุตบอลแม่เหล็กที่ดึงดูดผู้ชม ก็หนีไม่พ้น คริสเตียโน โรนัลโด, เฟอร์นันโด ตอเรส, สตีเว่น เจอร์ราร์ด คนเดิม ๆ หน้าใหม่ ๆ อย่าง เดโก้, ซามีร์ นาสรี่ หรือ โจ คงไม่มีแรงดึงดูดแฟนบอลหน้าใหม่ ๆ เท่าไรนัก

เมื่อเครื่องมือหลักไม่สามารถสร้างความแปลกใหม่ที่จะกระตุ้นยอดขายได้เหมือนปีก่อนแล้ว แผนการตลาดในปีนี้จึงต้องมุ่งเข้าไปหาเครื่องมือรอง อย่างโปรแกรมรายการที่ทรูวิชั่นส์ผลิตขึ้นเอง ต่อยอดออกจากลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกที่ได้มา แพกเกจใหม่ ๆ ที่นำออกเสนอ การจัดกิจกรรม On Ground และเครื่องมือที่ทรูวิชั่นส์ให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษในการช่วยกระตุ้นยอดสมาชิกให้เพิ่มขึ้น คือการจับมือพันธมิตรทางธุรกิจ

ทรูวิชั่นส์มีการผลิตรายการต่อยอดจากการถ่ายทอดสดการแข่งขันพรีเมียร์ลีกในแต่ละสัปดาห์ 5 รายการ ที่มีทั้งรายการวิเคราะห์ วิจารณ์ทั้งก่อนการแข่งขัน และหลังการแข่งขัน จากคอลัมนิสต์ฟุตบอลและผู้บรรยายพรีเมียร์ลีกของทรูวิชั่นส์ อาทิ เอกราช เก่งทุกทาง, นพนันท์ ศรีศร, ธีรพัฒน์ อัครเศรณี หรือกิติกร อุดมผลฯลฯ รายการวิเคราะห์การทำประตู จากปิยะพงษ์ ผิวอ่อน รวมไปถึงรายการ Show Clip ที่ใช้พิธีกรสาวเซ็กซี่ มาเป็นจุดขายของรายการ โชว์คลิปการทำประตูสวย ๆ และรายการฟุตบอลบันเทิงวาไรตี้ Heart of Goal ที่มีรูปแบบเป็นฝาแฝดกับรายการ Football Crazy ของ ESPN ดำเนินรายการโดย ป๋อง กพล ทองพลับ และทีมงาน องอาจกล่าวว่า รายการเหล่านี้จะต้องเพิ่มความเข้มข้นขึ้น นำรูปแบบการติดต่อสื่อสารอินเตอร์แอคทีฟ อาทิ SMS หรือการส่งคลิปมาร่วมรายการ ถือเป็นสร้างมูลค่าเพิ่มในการชมการถ่ายทอดสดให้มากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา

ด้านแพกเกจการรับชมในฤดูกาลที่ 2 ทรูวิชั่นส์ยังพอมีช่องว่างในการสร้างแพจเกจใหม่ ๆ สำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกในกลุ่มแพลทินั่ม และโกลด์ เพราะแม้สมาชิกนอกกลุ่มนี้สามารถรับชมพรีเมียร์แบบพรีเพดในช่อง True Sport 5 แต่ในแต่ละสัปดาห์ก็ไม่มีการันตีว่า สมาชิกเหล่านี้จะได้รับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันของทีมในกลุ่ม Big 4 หรือไม่ โดยเฉพาะสมาชิกที่เป็นสาวกของปีศาจแดง แมนฯ ยูไนเต็ด และหงส์แดง ลิเวอร์พูล 2 ทีมที่มีแฟนคลับมากที่สุดในประเทศไทย ทรูวิชั่นส์นำความต้องการนี้ ไปเปิดเป็นแพกเกจใหม่ให้กับสมาชิกที่รับชมพรีเมียร์ลีกทาง True IPTV โดยให้บริการรับชมการถ่ายทอดสดของ 2 ทีมดังนี้ครบทุกนัด ตลอดฤดูกาล สามารถดูย้อนหลัง และรายงานผลการแข่งขัน ตารางคะแนน ในราคาค่าบริการเดือนละ 399 บาทต่อเดือนต่อทีม โดยมีการเสนอราคาพิเศษในช่วงแรกลดเหลือเดือนละ 299 บาท ซึ่งเชื่อใจว่าจะเป็นที่ถูกใจของสาวก 2 ทีมหลักนี้ อันเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดของแฟนบอลพรีเมียร์ลีกในประเทศไทย ที่จะเป็นส่วนสำคัญในการขยายจำนวนสมาชิกทรูวิชั่นส์ในช่องทางใหม่ ๆ ในปีนี้

ด้านการจัดกิจกรรม On Ground องอาจเล็งเป้าหมายว่า เครื่องมือนี้จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างประสบการณ์ในการชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกให้กับกลุ่มเป้าหมายที่ยังไม่ตัดสินใจเป็นสมาชิกทรูวิชั่นส์ คุณภาพในการถ่ายทอดสัญญาณด้ายระบบ HD(High Definition) ที่ให้ความคมชัดสูงสุด เพิ่มอรรถรสในการชม จะทำให้กลุ่มเป้าหมายตัดสินใจเป็นสมาชิกทรูวิชั่นส์ ในปีนี้จึงมีการมองหาสถานที่การจัดกิจกรรมช่วงการพบกันของทีม Big 4 ที่สามารถเรียกผู้ร่วมกิจกรรมได้มากขึ้น จากปีก่อนที่เคยใช้บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าโรบินสัน รัชดาภิเษก ปีนี้จะหาพื้นที่ที่ใหญ่ขึ้น สามารถรองรับผู้เข้าร่วมงานได้มากขึ้น เพื่อสร้างประสบการณ์ในการรับชมการถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกให้กว้างขึ้น กระจายไปทั่วประเทศ องอาจเชื่อมั่นว่า ก็จะสามารถสะท้อนมาถึงจำนวนสมาชิกทรูวิชั่นส์ที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน

และเครื่องมือสำคัญที่ทรูวิชั่นส์นำมาใช้ในปีนี้ คือการหาพันธมิตรทางธุรกิจที่สามารถเอื้อประโยชน์ต่อการเติบโตของสมาชิกทรูวิชั่นส์ได้ การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ ฤดูกาล 2008/2009 มีพันธมิตรหลัก 3 ราย ประกอบด้วย ยามาฮ่า โซนี่ และช้าง องอาจไม่ได้มองว่า สปอนเซอร์เหล่านี้จะเข้ามาเพื่อช่วยลดภาระต้นทุนลิขสิทธิ์การถ่ายทอด หากแต่มองไปถึงการเป็นเครื่องมือสำคัญในการขยายยอดสมาชิก

ยามาฮ่าที่ร่วมงานกันมาตั้งแต่ฤดูกาลแรก จนถึงฤดูกาลนี้ ถือเป็นสินค้าที่มีกลุ่มเป้าหมายร่วมกัน สามารถสนับสนุนซึ่งกันและกัน ขณะที่โซนี่ซึ่งเข้ามาร่วมงานในปีนี้ องอาจกล่าวว่า จะเป็นพันธมิตรที่ช่วยเผยแพร่เทคโนโลยี HD ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางได้เป็นอย่างดี เพราะจุดขายของทรูวิชั่นส์นอกเหนือจากตลาดล่างที่มุ่งไปยังแพกเกจพรีเพด จ่ายรายเดือนแล้ว ในส่วนของตลาดบน คุณภาพการรับชมที่คมชัด โซนี่ที่มีนโยบายในการนำเสนอสินค้าเทคโนโลยีชั้นสูง ภาพการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่นำเสนอบนจอ HD ภายใน Sony Shop หรือเคาน์เตอร์ Sony ในห้างสรรพสินค้า จะเป็นอีกช่องทางที่ช่วยสร้างประสบการณ์ให้กับกลุ่มเป้าหมายในการรับชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่คมชัดจากทรูวิชั่นส์ นำมาซึ่งสมาชิกใหม่ได้เป็นอย่างดี

ด้านกลุ่มเครื่องดื่มช้างที่ดูจะคุ้นเคยกับคอนเทนต์ฟุตบอลระดับโลกมาโดยตลอด ทั้งเคยเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ฟุตบอลยูโร จนถึงการเป็นสปอนเซอร์สโมสรฟุตบอลพรีเมียร์ลีก เอฟเวอร์ตัน มายาวนาน แสดงให้เห็นถึงกลุ่มเป้าหมายของสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของทรูวิชั่นส์ได้เป็นอย่างดี องอาจมุ่งเป้าหมายไปที่ลานเบียร์ช้าง รวมถึงร้านอาหาร ผับ บาร์ที่เบียร์ช้างให้การสนับสนุน มีผู้ใช้บริการจำนวนมากในทุกวันสุดสัปดาห์ หากช่องทางเหล่านี้สนับสนุนการถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอย่างเต็มที่ เชื่อมั่นได้ว่า จำนวนสมาชิกใหม่ของทรูวิชั่นส์ที่จะเกิดขึ้นจากช่องทางเหล่านี้ก็จะมีมากขึ้นอย่างแน่นอน

องอาจตั้งเป้าหมาย พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2008/2009 อันเป็นปีที่ 2 ที่ทรูวิชั่นส์ได้ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด เมื่อจบฤดูกาล จำนวนสมาชิกในกลุ่มพรีเมียม ทั้งแพลทินั่ม และโกลด์ จะเติบโตได้ไม่น้อยกว่าปีแรก อยู่ในระดับ 10-15% ขณะที่จำนวนยอดการซื้อบริการแบบพรีเพดของตลาดล่าง จำนวน 200,000 การสั่งซื้อในฤดูกาลแรก จะต้องเพิ่มขึ้นในฤดูกาลนี้อีกไม่ต่ำกว่า 20-30%

แชมป์พรีเมียร์ลีกในเมืองไทย อย่าง ทรูวิชั่นส์ ยังจะรักษาแชมป์เป็นปีที่ 2 ได้หรือไม่ เสียงนกหวีด สัญญาณเริ่มการแข่งขัน ดังขึ้นแล้ว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.