|
เอสซีฯ เตรียมพร้อมสู้ศึกต้นทุนพุ่งยกเครื่ององค์กร-แตกไลน์ธุรกิจใหม่
ผู้จัดการรายสัปดาห์(25 สิงหาคม 2551)
กลับสู่หน้าหลัก
เอสซีฯ ยกเครื่องบริหารจัดการ เดินหน้าใช้ระบบออนไลน์ลดต้นทุนสู้คู่แข่ง นำร่องแตกไลน์ธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์-ไทม์แชริ่งเสริมรายได้จัดสรร
ในช่วงที่กระแสทางการเมืองกำลังร้อนแรง เอสซี แอสเสทฯ ธุรกิจขนาดใหญ่หนึ่งเดียวที่ยังอยู่ในกำมือของตระกูลชินวัตรถูกจับตามองอีกครั้ง และถือเป็นบทสำคัญของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” น้องสาวของอดีตนายกรัฐมนตรีในบทบาทประธานกรรมการบริหารที่จะต้องพิสูจน์ตัวเอง ภายใต้แรงกดดันรอบด้านของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่วันนี้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้มาใหม่อย่างยิ่งลักษณ์ที่มีประสบการณ์ในวงการนี้มาเพียง 2 ปี
สิ่งหนึ่งที่ยิ่งลักษณ์ให้ความสำคัญ คือ การคิดจากพื้นฐานความต้องการของลูกค้า บวกกับการได้ทีมงานมือดีที่มาคอยช่วยตีโจทย์ในการพัฒนาโครงการให้ประสบความสำเร็จ หนึ่งในมือดีที่ว่า คือ กรี เดชชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาแนวราบ อดีตศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่เช่นเดียวกับยิ่งลักษณ์ ที่เคยทำงานด้านพัฒนาโครงการที่ควอลิตี้ เฮ้าส์มาก่อน จึงมีประสบการณ์อย่างโชกโชนในตลาดบ้านจัดสรร ซึ่งกรีได้มีบทบาทเข้ามาปรับเปลี่ยนการพัฒนาโครงการของเอสซีฯ แบบยกเครื่องในปีแรก เริ่มจากการจัดทัพ ปรับสินค้าและทีมงาน จนทำให้รายได้จากการขายโครงการแนวราบในปีแรกที่กรีเข้ามาดูแลกระโดดขึ้นเป็น 1,900-2,000 ล้านบาท จากเดิมที่มีรายได้เพียง 900 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกมีรายได้รวม 1,911 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 17% ยอดขายรวม 2,193 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92%
ผลงานที่ได้พิสูจน์ว่าเอสซีฯ เดินมาถูกทาง และในปีที่ 2 หรือปีหน้า กรีวางเป้าว่าจะเป็นปีแห่งการลดต้นทุนในการบริหารจัดการ จากในปีแรกที่ปรับแบบบ้านครั้งใหญ่ สามารถลดต้นทุนได้ถึง 20% ทำให้ต้นทุนค่าก่อสร้างต่อ ตร.ม. ต่ำกว่าคู่แข่ง โดยจะนำระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์มาใช้ทั่วองค์กร ซึ่งจะครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการหาซื้อที่ดินจนกระทั่งโอนบ้านให้ลูกค้า ซึ่งในแต่ละส่วนสามารถจะมีการรายงานผลแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถติดตามผลได้ใกล้ชิด เช่น ระบบสั่งซื้อของแบบ Just-in-Time ซื้อเมื่อต้องการใช้ ซึ่งจะช่วยลดการเก็บสต็อกได้เป็นอย่างดี และจะขยายนำระบบนี้ไปใช้ร่วมกับซัปพลายเออร์ด้วย ทั้งนี้การปรับจากภายในของเอสซีฯ ถือเป็นความพยายามที่จะสร้างความได้เปรียบต่อคู่แข่ง ซึ่งทุกวันนี้ในการพัฒนาโครงการของดีเวลลอปเปอร์แต่ละราย ต้นทุนที่ดินที่ได้มาแทบจะไม่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่แตกต่างซึ่งสะท้อนออกมาเป็นราคาขาย และกำไร ขึ้นอยู่ที่ความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุน
กรีกล่าวว่า การเติบโตของเอสซีฯ ในอนาคตจะไม่จำกัดวงอยู่แค่ที่อยู่อาศัยเท่านั้น แต่จะแตกไลน์ไปยังธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจด้วย ซึ่งจะเป็นตัวเสริมให้เอสซีฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องปีละ 20% หรือ 7,500 ล้านบาท ภายในปี 2555 เพราะการพึ่งแต่รายได้จากที่อยู่อาศัยอย่างเดียวจะเติบโตได้ไม่ง่ายนัก โดยธุรกิจแรกที่จะได้เห็น คือ คอมมูนิตี้มอลล์ เริ่มต้นจากพื้นที่ด้านหน้าโครงการวิสต้า อเวนิว เพชรเกษม 81 ก่อนจะขยายไปยังทำเลอื่นๆ นอกโครงการของเอสซีฯ มีโลตัสเป็นพันธมิตรในรุกตลาด โดยมีการจัดตั้งทีมงานมาดูแลโดยเฉพาะ และการรุกตลาดไทม์แชริ่งที่หัวหิน เพื่อสร้างรายได้ระยะยาว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|