อนาคตรับสร้างบ้านสดใส น้ำมันลดผู้บริโภคเร่งตัดสินใจซื้อ


ผู้จัดการรายสัปดาห์(25 สิงหาคม 2551)



กลับสู่หน้าหลัก

ส่องธุรกิจรับสร้างบ้านครึ่งปีหลัง ตลาดบนยังหอมหวน กำลังซื้อไม่ตก บิวด์ฟันธงเศรษฐกิจหดตัวรายเล็กตาย เปิดช่องรายใหญ่จ้องขยับแชร์ เมคเกอร์ส่ง‘The Solution’ ลงสนาม ฟากวินด์มิลล์ขยับตัวเปิดแนวรบตลาดใหม่ เจาะกลุ่มครอบครัวขยาย ขณะที่ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ ยังคงคอนเซ็ปต์หรูหรา

ความเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันและราคาเหล็ก วัตถุดิบสำคัญที่มีผลต่อต้นทุนก่อสร้างบ้านที่ถีบตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับกำลังซื้อของผู้บริโภค เป็นปัจจัยที่มีผลทำให้ธุรกิจรับสร้างบ้านต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอดอีกระลอกหนึ่ง แม้ล่าสุดในขณะนี้ทิศทางความเปลี่ยนแปลงของทั้งเหล็กและน้ำมันจะชะลอลงแล้วก็ตาม

ราคาเหล็กและน้ำมันที่ผันผวน ปรับตัวสูงขึ้นเป็นรายวัน สุธี เกตุศิริ กรรมการผู้จัดการ กลุ่ม บิวท์ ทู บิวด์ เห็นว่ากลายเป็นบททดสอบที่วัด “กึ๋น” ความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนของธุรกิจรับสร้างบ้านได้เป็นอย่างดี ซึ่งภาวะเศรษฐกิจแย่ บริษัทรายย่อยจะล้มก่อนเป็นอันดับแรกๆ เนื่องจากลูกค้าไม่ให้ความเชื่อมั่น ซึ่งก็เป็นโอกาสของบริษัทรับสร้างบ้านรายใหญ่ที่จะคืบเข้ามาครองมาร์เก็ตแชร์แทน เพราะมีชื่อเสียงและผลงานที่น่าเชื่อถือมากกว่า และพบว่าลูกค้าที่มีความพร้อมในการสร้างบ้านจะรีบเซ็นสัญญาก่อสร้างทันที เพื่อล็อกราคาตามต้นทุนเก่า ก่อนที่ราคาจะสูงขึ้นกว่านี้

สุธีกล่าวว่า ราคาน้ำมัน เหล็ก และภาวะการเมืองที่เริ่มคลี่คลาย เป็นปัจจัยทางจิตวิทยาที่น่าจะทำให้ผู้บริโภคสบายใจขึ้น น่าจะทำให้ปีหน้าภาพรวมตลาดปรับตัวดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามก็ยังต้องจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนการลดราคาบ้านทันทีตามต้นทุนที่ลดลงคงจะทำได้ยาก เนื่องธุรกิจรับสร้างบ้านเป็นธุรกิจที่ปรับตัวช้า ไม่สามารถรับรู้กำไรได้ทันที แต่อาจจะคืนกำไรลูกค้าในรูปของโปรโมชั่นเพื่อดึงกำลังซื้อแทน โดยในครึ่งปีหลังบริษัทฯได้เปิดตัวแบบบ้านใหม่รวม 24 แบบ ในสไตล์ Modern Tropical, Modern Style, Modern Contemporary, Modern Oriental ซึ่งพัฒนาด้วยแนวคิดบ้านประหยัดพลังงาน ภายในงานรับสร้างบ้าน 2008

สอดคล้องกับแนวคิดของ พันธุ์เทพ ทานชิติกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมคเคอร์โฮม จำกัด ที่บอกว่า ราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสำคัญส่งผลกระทบในแง่จิตวิทยาให้ผู้บริโภค เร่งตัดสินใจซื้อ เพื่อล็อกราคาค่าก่อสร้างในช่วงที่ราคาวัสดุก่อสร้างทรงตัว อีกทั้งยังเชื่อว่า ราคาค่าก่อสร้างจะไม่ลดลง แม้ว่าราคาน้ำมันจะลดลง เพราะที่ผ่านมา ราคาวัสดุก่อสร้างปรับขึ้นไม่ทันราคาน้ำมัน เมื่อราคาน้ำมันลดลงจึงสะท้อนราคาวัสดุก่อสร้างที่แท้จริง

โดยบริษัทฯมีแผนกระตุ้นกำลังซื้อ ด้วยการเปิดตัวงานดีไซน์บ้านต้นแบบใหม่โดยใช้ชื่อว่า ‘The Solution’ ซึ่งเป็นแนวคิดใหม่ด้านการออกแบบบ้านที่มีความยืดหยุ่นมากที่สุด เพราะลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนแบบได้ทั้งขนาดพื้นที่ ฟังก์ชั่น และงบประมาณได้ในดีไซน์เดียวกันก่อนการสร้างจริง เพื่อให้ลูกค้าเลือกบ้านได้ “ตรงใจที่สุด” ในเวลาที่ “รวดเร็วที่สุด”

เซกเมนต์ตลาดบนในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวถือได้ว่า ยังเป็นเพียงตลาดเดียวที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะกำลังซื้อไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งวินด์มิลล์ อาร์คิเท็ค ในเครือของบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ก็เดินหน้าขยายการรุกตลาดไปเจาะกลุ่มครอบครัวขยายที่ต้องการปลูกสร้างบ้านใหม่บนที่ดินเดิม ภายใต้แนวคิด The Metro Lifestyle Living Mode ในรูปแบบบ้านแนวสูง 7 ชั้น 4 ครอบครัว พื้นที่ใช้สอย 1,200 ตร.ม. และ Cluster House บ้านแนวราบ 3 หลัง 3 ครอบครัว พื้นที่ใช้สอย 1,100 ตร.ม. ที่เชื่อมโยงด้วยสระว่ายน้ำ สวนเป็นพื้นที่ส่วนกลาง ราคาเริ่มต้น 20-40 ล้านบาท ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ยังเป็นช่องว่างของตลาดที่น่าสนใจ และมีการเติบโตต่อเนื่องทุกปี

ขณะที่สุรัตน์ชัย กึงฮะกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ จำกัด กล่าวว่า ได้เปิดตัวแบบบ้านใหม่ 6 แบบใหม่ ภายใต้แบรนด์ ”เอ็มเพอเร่อร์ เอ็กซ์ ” 3 แบบ และภายใต้แบรนด์ "ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์" 3 แบบ ระดับราคา15-45 ล้านบาท โดยรูปแบบบ้านจะเป็นสไตล์ Contemporary Classic และ Neo Classic ซึ่งการออกแบบคำนึงถึงการใช้สอยและความหรูหราโปร่งสบาย โดยแบบบ้านทั้ง 6 แบบ ประกอบด้วย 1. Explorer สไตล์ Neo Classic 2. Exquisite สไตล์ Contemporary Classic 3. Exult สไตล์ Neo Classic 4. Palladium สไตล์ European Classic ส่วนอีก 2 แบบ จะออกแบบตามคอนเซ็ปของลูกค้า ซึ่งจะเป็นเทรนด์ใหม่ โดยรูปลักษณ์ยังคงความคลาสสิคผสานกับความร่วมสมัยของปัจจุบันเช่นเดิม


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.