"แสงขายหุ้นไทยสรรพ์ ลางร้ายวงการยางไทย"


นิตยสารผู้จัดการ( สิงหาคม 2535)



กลับสู่หน้าหลัก

ในวงการยางพารา กล่าวกันว่าไม่มีใครไม่รู้จักคนชื่อ แสง อุดมจารุมณี กรรมการผู้จัดการ บริษัทไทยสรรพ์รับเบอร์ บริษัทผู้ผลิตยางแผ่นรมควันรายใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศ และยังดำรงตำแหน่ง นายกสมาคมพ่อค้ายางแห่งประเทศไทย ด้วย

หลายคนย้ำกับ "ผู้จัดการ" ว่าสำหรับต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นอเมริกา ยุโรป ลงมาจนถึงเอเชีย ชื่อของแสง มีความ "ขลัง" กว่าชื่อของรัฐมนตรีผู้ดูแลเรื่องยางพาราของรัฐบาลที่ผ่าน ๆ มาทุกคน

ดังนั้น ครั้งหนึ่งที่ "ผู้จัดการ" เรียกเขาว่า Mr. THAILAND RUBBER จึงไม่ได้เป็นเรื่องเกินเลยแต่อย่างใด สำหรับคนที่คลุกคลีอยู่กับวงการยางกว่า 30 ปีอย่างเขา

แสง อุดมจารุมณี หรือ LEE SAENG HO ซึ่งเป็นชื่อเดิมของเขาเมื่อครั้งยังใช้สัญชาติมาเลเซีย มีธุรกิจของตนเองภายหลังลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดของเต็กบี ห้าง คือ ไทยสรรพ์รับเบอร์ ซึ่งเกิดจากการร่วมทุนระหว่างเขากับเพื่อนนักธุรกิจทั้งในและนอกวงการยางหลายคน ที่ตั้งขึ้นเมื่อปี 2525 และเพิ่งฉลองครบรอบ 10 ปีพร้อม ๆ กับเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อไม่นานมานี้เอง

กล่าวกันว่าหุ้นของไทยสรรพ์รับเบอร์ ได้รับการซื้อขายมากพอสมควรในบรรดาบริษัทยางพาราที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ 2-3 แห่ง

อยู่มาวันหนึ่ง ในช่วงเดือนมิถุนายน ราคาหุ้นของไทยสรรพ์รับเบอร์ เกิดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติท่ามกลางความสงสัยของบรรดานักลงทุนว่าเกิดอะไรขึ้นกับบริษัท (ดูตารางราคาหุ้นประกอบ)

และมีข่าวตามมาว่า แสง อดุมจารุมณีขายหุ้นไทยสรรพ์ทิ้ง!!

สำหรับการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นไทยสรรพ์รับเบอร์ในช่วงที่มีข่าวดังกล่าวนั้น มีการซื้อขายประมาณ 1.5 ล้านหุ้น และราคามีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมาก โดยขยับจากราคา 49.25 บาท (ซึ่งเป็นราคาต่ำสุดที่เคยมีการซื้อขายหุ้นตัวนี้) ขึ้นไปอยู่ที่ 60-65 บาทในช่วงไม่กี่วัน

นอกจากนั้น ยังมีการยืนยันว่า กำลังมีการเจรจาซื้อขายหุ้นล็อตใหญ่ออกมา โดยบริษัทไทยสรรพ์โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ประมาณ 44% เพื่อขายต่อนักลงทุนกลุ่มใหม่ (ที่ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อ) แต่การเจรจายังไม่มีข้อยุติ

ดังนั้น ไม่กี่วันหลังจากการที่มีข่าวการเจรจาขายหุ้นรั่วไหลออกมา คณะกรรมการไทยสรรพ์รับเบอร์จึงยื่นเรื่องขอเอสพีหุ้นบริษัทกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

ข่าวดังกล่าวไม่เป็นผลดีกับไทยสรรพ์รับเบอร์เอามาก ๆ และที่สำคัญก็คือ ส่งผลกระทบต่อวงการยางพาราของไทยมาก เพราะหากคนอย่างแสง จำเป็นที่จะต้องขายหุ้นทิ้ง ก็อาจจะเป็นการชี้ว่า อนาคตของยางพาราไทย กำลังอยู่ในช่วงวิกฤติเอามาก ๆ ทั้ง ๆ ที่อุตสาหกรรมยางพาราของไทย กล่าวกันว่ากำลังอยู่ในยุคที่รุ่งเรืองสุดขีด จนกระทั่งก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของการเป็นผู้ผลิตยางแผ่นรมควันของโลก แทนที่มาเลเซียที่เป็นผู้ผลิตอันดับหนึ่งมานาน

"ผมเองยังงงเลยที่มีข่าวออกมาว่าผมขายหุ้นทิ้ง" แสงบอกกับ "ผู้จัดการ" ในวันหนึ่งหลังจากที่มีข่าวดังกล่าวออกมา ในขณะที่มีการตอกย้ำจากบรรดาผู้เกี่ยวข้องกับไทยสรรพ์รับเบอร์หลายคนว่าแสง อุดมจารุศรีมณี ยังคงถือหุ้นในไทยสรรพ์รับเบอร์อยู่มากในระดับที่ยังสามารถที่จะบริหารไทยสรรพ์รับเบอร์ได้

ที่สำคัญก็คือ หากมีการขายหุ้นทิ้งจริง ๆ สิ่งที่แสงไม่สามารถที่จะตอบคำถามของใครต่อใคร รวมทั้ง "ผู้จัดการ" ได้ก็คือ เขาจะไปทำอะไรต่อไปในอนาคต?

เพราะตลอดชีวิตของแสงดูเหมือนจะผูกพันกับยางพารามากกว่าอย่างอื่น!!

ทั้งนี้พลิกประวัติของแสง อุดมจารุมณี หรือ LEE SAENG HO นับตั้งแต่จบการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษแห่งหนึ่งในเมืองอลอสตาร์ แสงเริ่มต้นด้วยการเป็นครูที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในรัฐเปอร์ลิส ซึ่งอยู่ทางเหนือของมาเลเซีย ในต้นปี 2499 แต่ไม่กี่เดือนหลังจากนั้น คือประมาณเดือนพฤษภาคม ปีเดียวกัน ญาติคนหนึ่งซึ่งทำงานกับเต็กบีห้าง (ยางไทยปักษ์ใต้) ในตำแหน่งผู้จัดการสาขาหาดใหญ่ได้ไปพบแสงที่มาเลเซีย แล้วก็ชักชวนแสงมาร่วมงานกับเต็กบีห้างที่หาดใหญ่ อันเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการยางของบุคคลผู้นี้

"คุณแสง เป็นหนึ่งในพ่อค้ายางที่สร้างหาดใหญ่ให้เป็นศูนย์กลางยางพาราของไทย" จนกระทั่งวันนี้" นายธนาคารคนหนึ่งในหาดใหญ่บอกกับ "ผู้จัดการ" ถึงเรื่องของแสงในอดีต

สิ่งหนึ่งที่แสงยอมรับกับ "ผู้จัดการ" ด้วยความภาคภูมิใจมากก็คือ การได้รับสัญชาติไทยภายหลังจากที่มาตั้งรกรากอยู่ในหาดใหญ่นับตั้งแต่มาร่วมงานกับเต็กบีห้าง สาขาหาดใหญ่เป็นต้นมา ดังนั้น จึงไม่แปลกใจนัก ที่แสงมักจะกล่าวกับใครต่อใครว่าเขาเป็นคนไทย และพร้อมที่จะสร้างอุตสาหกรรมยางพาราของไทยให้เป็นอันดับหนึ่งของโลก

วันนี้ เมื่อแสงทำสำเร็จมีหรือที่จะทิ้งวงการยางพาราไป

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าปัญหาเรื่องยางพาราในขณะนี้ เป็นเรื่องใหญ่มาก (และรัฐบาลควรจะให้ความสนใจมาก) เพราะในขณะที่ยางพาราในประเทศมีการผลิตมากจนขึ้นแท่นอันดับหนึ่ง ตลาดโลกกลับไม่มีการเคลื่อนไหวมากนัก อันเนื่องมาจากความต้องการมีไม่มากนัก เพราะภาวะเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับวงการยางต่างก็อยู่ในภาวะที่ไม่ดีนัก ไม่ว่าจะเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯ ญี่ปุ่นหรือบริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบตามมา

ขณะเดียวกัน นักธุรกิจในวงการยางให้ความเห็นเกี่ยวกับข่าวที่ว่า แสง อุดมจารุมณีจะทิ้งวงการยางด้วยการขายหุ้นทิ้งว่า เป็นเครื่องชี้ว่ารัฐบาลควรจะให้ความสนใจกับเรื่องนี้ให้มาก ในขณะที่ไทยกำลังเป็นผู้ส่งออกยางแผ่นรมควันรายใหญ่ของโลก เพราะข่าวดังกล่าวไม่มีผลดีกับวงการยางพาราของไทย ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริง

ทั้งนี้ เหตุผลที่อรรถาธิบายได้ชัดเจนที่สุดก็คือ แสงเป็นบุคคลที่วงการยางทั่วโลกให้ความเชื่อถือสูงมาก โดยเฉพาะในเรื่องการตลาด ดังนั้นการที่แสงให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องตลาดยาง จึงเป็นเรื่องที่ภาครัฐต้องรับฟัง

โบราณกล่าวว่าจิ้งจกทักยังต้องรับฟัง นี่คนที่ทักเป็นถึงผู้รู้เรื่องยางดีคนหนึ่งมีหรือที่ไม่น่าจะฟัง

ยังไงฉายา Mr.THAILAND RUBBER ของแสงก็ไม่ได้ได้มาอย่างง่าย ๆ แน่นอน



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.