ในวงการยางพารา กล่าวกันว่าไม่มีใครไม่รู้จักคนชื่อ แสง อุดมจารุมณี กรรมการผู้จัดการ
บริษัทไทยสรรพ์รับเบอร์ บริษัทผู้ผลิตยางแผ่นรมควันรายใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศ
และยังดำรงตำแหน่ง นายกสมาคมพ่อค้ายางแห่งประเทศไทย ด้วย
หลายคนย้ำกับ "ผู้จัดการ" ว่าสำหรับต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นอเมริกา
ยุโรป ลงมาจนถึงเอเชีย ชื่อของแสง มีความ "ขลัง" กว่าชื่อของรัฐมนตรีผู้ดูแลเรื่องยางพาราของรัฐบาลที่ผ่าน
ๆ มาทุกคน
ดังนั้น ครั้งหนึ่งที่ "ผู้จัดการ" เรียกเขาว่า Mr. THAILAND
RUBBER จึงไม่ได้เป็นเรื่องเกินเลยแต่อย่างใด สำหรับคนที่คลุกคลีอยู่กับวงการยางกว่า
30 ปีอย่างเขา
แสง อุดมจารุมณี หรือ LEE SAENG HO ซึ่งเป็นชื่อเดิมของเขาเมื่อครั้งยังใช้สัญชาติมาเลเซีย
มีธุรกิจของตนเองภายหลังลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดของเต็กบี ห้าง
คือ ไทยสรรพ์รับเบอร์ ซึ่งเกิดจากการร่วมทุนระหว่างเขากับเพื่อนนักธุรกิจทั้งในและนอกวงการยางหลายคน
ที่ตั้งขึ้นเมื่อปี 2525 และเพิ่งฉลองครบรอบ 10 ปีพร้อม ๆ กับเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อไม่นานมานี้เอง
กล่าวกันว่าหุ้นของไทยสรรพ์รับเบอร์ ได้รับการซื้อขายมากพอสมควรในบรรดาบริษัทยางพาราที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์
2-3 แห่ง
อยู่มาวันหนึ่ง ในช่วงเดือนมิถุนายน ราคาหุ้นของไทยสรรพ์รับเบอร์ เกิดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติท่ามกลางความสงสัยของบรรดานักลงทุนว่าเกิดอะไรขึ้นกับบริษัท
(ดูตารางราคาหุ้นประกอบ)
และมีข่าวตามมาว่า แสง อดุมจารุมณีขายหุ้นไทยสรรพ์ทิ้ง!!
สำหรับการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นไทยสรรพ์รับเบอร์ในช่วงที่มีข่าวดังกล่าวนั้น
มีการซื้อขายประมาณ 1.5 ล้านหุ้น และราคามีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมาก โดยขยับจากราคา
49.25 บาท (ซึ่งเป็นราคาต่ำสุดที่เคยมีการซื้อขายหุ้นตัวนี้) ขึ้นไปอยู่ที่
60-65 บาทในช่วงไม่กี่วัน
นอกจากนั้น ยังมีการยืนยันว่า กำลังมีการเจรจาซื้อขายหุ้นล็อตใหญ่ออกมา
โดยบริษัทไทยสรรพ์โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ประมาณ 44% เพื่อขายต่อนักลงทุนกลุ่มใหม่
(ที่ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อ) แต่การเจรจายังไม่มีข้อยุติ
ดังนั้น ไม่กี่วันหลังจากการที่มีข่าวการเจรจาขายหุ้นรั่วไหลออกมา คณะกรรมการไทยสรรพ์รับเบอร์จึงยื่นเรื่องขอเอสพีหุ้นบริษัทกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เพื่อป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
ข่าวดังกล่าวไม่เป็นผลดีกับไทยสรรพ์รับเบอร์เอามาก ๆ และที่สำคัญก็คือ
ส่งผลกระทบต่อวงการยางพาราของไทยมาก เพราะหากคนอย่างแสง จำเป็นที่จะต้องขายหุ้นทิ้ง
ก็อาจจะเป็นการชี้ว่า อนาคตของยางพาราไทย กำลังอยู่ในช่วงวิกฤติเอามาก ๆ
ทั้ง ๆ ที่อุตสาหกรรมยางพาราของไทย กล่าวกันว่ากำลังอยู่ในยุคที่รุ่งเรืองสุดขีด
จนกระทั่งก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของการเป็นผู้ผลิตยางแผ่นรมควันของโลก แทนที่มาเลเซียที่เป็นผู้ผลิตอันดับหนึ่งมานาน
"ผมเองยังงงเลยที่มีข่าวออกมาว่าผมขายหุ้นทิ้ง" แสงบอกกับ "ผู้จัดการ"
ในวันหนึ่งหลังจากที่มีข่าวดังกล่าวออกมา ในขณะที่มีการตอกย้ำจากบรรดาผู้เกี่ยวข้องกับไทยสรรพ์รับเบอร์หลายคนว่าแสง
อุดมจารุศรีมณี ยังคงถือหุ้นในไทยสรรพ์รับเบอร์อยู่มากในระดับที่ยังสามารถที่จะบริหารไทยสรรพ์รับเบอร์ได้
ที่สำคัญก็คือ หากมีการขายหุ้นทิ้งจริง ๆ สิ่งที่แสงไม่สามารถที่จะตอบคำถามของใครต่อใคร
รวมทั้ง "ผู้จัดการ" ได้ก็คือ เขาจะไปทำอะไรต่อไปในอนาคต?
เพราะตลอดชีวิตของแสงดูเหมือนจะผูกพันกับยางพารามากกว่าอย่างอื่น!!
ทั้งนี้พลิกประวัติของแสง อุดมจารุมณี หรือ LEE SAENG HO นับตั้งแต่จบการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษแห่งหนึ่งในเมืองอลอสตาร์
แสงเริ่มต้นด้วยการเป็นครูที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในรัฐเปอร์ลิส ซึ่งอยู่ทางเหนือของมาเลเซีย
ในต้นปี 2499 แต่ไม่กี่เดือนหลังจากนั้น คือประมาณเดือนพฤษภาคม ปีเดียวกัน
ญาติคนหนึ่งซึ่งทำงานกับเต็กบีห้าง (ยางไทยปักษ์ใต้) ในตำแหน่งผู้จัดการสาขาหาดใหญ่ได้ไปพบแสงที่มาเลเซีย
แล้วก็ชักชวนแสงมาร่วมงานกับเต็กบีห้างที่หาดใหญ่ อันเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการยางของบุคคลผู้นี้
"คุณแสง เป็นหนึ่งในพ่อค้ายางที่สร้างหาดใหญ่ให้เป็นศูนย์กลางยางพาราของไทย"
จนกระทั่งวันนี้" นายธนาคารคนหนึ่งในหาดใหญ่บอกกับ "ผู้จัดการ"
ถึงเรื่องของแสงในอดีต
สิ่งหนึ่งที่แสงยอมรับกับ "ผู้จัดการ" ด้วยความภาคภูมิใจมากก็คือ
การได้รับสัญชาติไทยภายหลังจากที่มาตั้งรกรากอยู่ในหาดใหญ่นับตั้งแต่มาร่วมงานกับเต็กบีห้าง
สาขาหาดใหญ่เป็นต้นมา ดังนั้น จึงไม่แปลกใจนัก ที่แสงมักจะกล่าวกับใครต่อใครว่าเขาเป็นคนไทย
และพร้อมที่จะสร้างอุตสาหกรรมยางพาราของไทยให้เป็นอันดับหนึ่งของโลก
วันนี้ เมื่อแสงทำสำเร็จมีหรือที่จะทิ้งวงการยางพาราไป
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าปัญหาเรื่องยางพาราในขณะนี้ เป็นเรื่องใหญ่มาก (และรัฐบาลควรจะให้ความสนใจมาก)
เพราะในขณะที่ยางพาราในประเทศมีการผลิตมากจนขึ้นแท่นอันดับหนึ่ง ตลาดโลกกลับไม่มีการเคลื่อนไหวมากนัก
อันเนื่องมาจากความต้องการมีไม่มากนัก เพราะภาวะเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับวงการยางต่างก็อยู่ในภาวะที่ไม่ดีนัก
ไม่ว่าจะเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯ ญี่ปุ่นหรือบริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบตามมา
ขณะเดียวกัน นักธุรกิจในวงการยางให้ความเห็นเกี่ยวกับข่าวที่ว่า แสง อุดมจารุมณีจะทิ้งวงการยางด้วยการขายหุ้นทิ้งว่า
เป็นเครื่องชี้ว่ารัฐบาลควรจะให้ความสนใจกับเรื่องนี้ให้มาก ในขณะที่ไทยกำลังเป็นผู้ส่งออกยางแผ่นรมควันรายใหญ่ของโลก
เพราะข่าวดังกล่าวไม่มีผลดีกับวงการยางพาราของไทย ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริง
ทั้งนี้ เหตุผลที่อรรถาธิบายได้ชัดเจนที่สุดก็คือ แสงเป็นบุคคลที่วงการยางทั่วโลกให้ความเชื่อถือสูงมาก
โดยเฉพาะในเรื่องการตลาด ดังนั้นการที่แสงให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องตลาดยาง
จึงเป็นเรื่องที่ภาครัฐต้องรับฟัง
โบราณกล่าวว่าจิ้งจกทักยังต้องรับฟัง นี่คนที่ทักเป็นถึงผู้รู้เรื่องยางดีคนหนึ่งมีหรือที่ไม่น่าจะฟัง
ยังไงฉายา Mr.THAILAND RUBBER ของแสงก็ไม่ได้ได้มาอย่างง่าย ๆ แน่นอน